ปุญฺญํ โจเรหิ ทูหรํ - บุญเป็นสิ่งเดียวที่โจรขโมยจากเราไปไม่ได้
(พุทธพจน์)
บัดนี้ จักอธิบายความแห่งพุทธภาษิตว่า บุญเป็นสิ่งเดียวที่โจรขโมยจากเราไปไม่ได้ พอเป็นแนวทางแห่งการศึกษาพระธรรมของสาธุชนทั้งหลาย ตามสมควรแก่ความรู้ที่ได้ศึกษามา
บุญ หมายถึง กุศล สุจริต กรรมดี ความดี ธรรม และธรรมฝ่ายขาว หรือกล่าวโดยรวมว่า บุญเป็นชื่อของความดีทุกอย่าง อันตรงกันข้ามกับบาปที่เป็นชื่อของความไม่ดีทุกอย่าง
ท่านผู้รู้คัมภีร์ศัพทศาสตร์ให้ความหมายว่า บุญ แปลว่า เครื่องชำระล้างจิตใจให้สะอาด หรือแปลว่าสภาพที่ก่อให้เกิดความน่าบูชา อธิบายว่า บุญคือการบริจาคทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา เป็นต้น ใครกระทำโดยติดต่อไม่ขาดสาย ย่อมทำให้จิตใจของเขาปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือยิ่งทำไปนาน ๆ จนเป็นบารมีเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระอรหันตสาวกก็จะกำจัดกิเลสได้เด็ดขาด เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์อย่างแท้จริง และผู้ที่ไม่มีกิเลสคือความโลภ ความโกรธ ความหลงนั้น ย่อมจัดเป็นปูชนียบุคคล คือ บุคคลที่น่าบูชา ทั้งของเทวดาและมนุษย์
เมื่อบุญ คือความดีจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ การทำบุญนั้น ก็เหมือนกับการทำงานทั่วไป คือต้องมีอุปกรณ์ได้แก่เครื่องมือ เหมือนนักเรียนมาเรียนหนังสือ ต้องมีเครื่องมือ เช่น หนังสือ สมุด ปากกา เป็นต้น อุปกรณ์สำหรับใช้ทำบุญใหญ่ ๆ มี ๔ อย่าง คือ ๑. ทานวัตถุ ของสำหรับใช้บริจาคทาน พระพุทธองค์ทรงกำหนดไว้ ๑๐ อย่าง คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยานพาหนะ ดอกไม้ของหอม ของลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป ๒. กาย คือร่างกายทุกส่วน ๓. วาจา คือปาก ๔. ใจ คือความคิด
เมื่อพูดถึงเรื่องทำบุญ พุทธศาสนิกชนไทยโดยมากมักรู้จักเพียงอย่างเดียว คือ การบริจาคทาน จึงเป็นเหตุให้บางคนรู้สึกกลัวบุญ เพราะทำบุญทีไรจะต้องเสียทรัพย์ทุกครั้ง บางคนรู้สึกว่า ตนเองไม่มีโอกาสจะได้ทำบุญกับเขา เพราะไม่มีทรัพย์สินเงินทอง แต่ความจริงแล้ว ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับทำบุญที่สำคัญเลย อุปกรณ์สำหรับทำบุญที่สำคัญ คือ กาย วาจา ใจ ของแต่ละบุคคลนั่นเอง
กายของนักเรียนที่เว้นจากการฆ่าสัตว์ การทำร้ายกัน การลักขโมย การประพฤติผิดในกาม หรือที่ใช้ทำสิ่งอันเป็นประโยชน์ เช่น ขยันไปโรงเรียน ขยันเรียนหนังสือ ขยันทำการบ้าน ขยันช่วยพ่อแม่ทำงาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ช่วยเหลือสังคม ช่วยรักษาความสะอาดบริเวณโรงเรียน เป็นต้น วาจาหรือปาก ใช้พูดแต่คำสัตย์จริง พูดให้คนเกิดความสามัคคีกลมเกลียวกัน พูดคำสุภาพเรียบร้อย พูดเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง ใจมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ไม่คิดโลภอยากได้ของใคร ไม่คิดร้ายทำลายใคร ไม่อิจฉาริษยาใคร เชื่อฟังพ่อแม่ครูอาจารย์ เพียงเท่านี้ กาย วาจา และใจ ของนักเรียนก็สามารถสร้างมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ ให้แก่นักเรียนเอง แก่บิดามารดาและครูอาจารย์ได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินเงินทองเลย และพระพุทธศาสนาจัดว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่กว่าการบริจาคทานอีกด้วย
เพราะบุญหมายถึงความดีทุกอย่าง บุญจึงมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ทุกคน เพราะ
๑. เป็นเหตุให้ได้เกิดในคติภพที่ดี
๒. ช่วยคุ้มครองรักษาชีวิตให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่าง ๆ
๓. ช่วยนำพาวิถีชีวิตไปสู่ความสำเร็จ และเจริญก้าวหน้าในสิ่งที่ตนปรารถนา
๔. เป็นเหตุให้จิตใจเกิดความร่มเย็นเป็นสุข องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้พุทธศาสนิกชนได้หมั่นทำบุญเอาไว้เสมอเมื่อมีโอกาส แม้ว่าจะเป็นบุญเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ดังพระพุทธพจน์ว่า “อย่าดูหมิ่นบุญว่ามีประมาณน้อย เมื่อไรจะมาถึงเรา หยดน้ำที่หยดลงทีละหยดยังทำภาชนะมีตุ่มเป็นต้นให้เต็มได้ ฉันใด คนผู้ฉลาดทำบุญอยู่เสมอ ก็ย่อมเต็มด้วยบุญฉันนั้น”
อนึ่ง พระพุทธองค์ ตรัสผลดีที่เกิดจากอานุภาพบุญไว้ในจูฬกัมมวิภังคสูตร กล่าวโดยสรุปเพื่อจำง่ายดังนี้
อายุยืนเพราะเว้นการเข่นฆ่า ไร้โรคาเพราะไม่ทำร้ายสัตว์
มีผิวพรรณงามเลิศเจิดจำรัส เพราะกำจัดความโกรธรู้อดใจ
ยศศักดิ์สูงเพราะใจไม่ริษยา มีโภคาเพราะทานคือการให้
สกุลสูงเพราะเจียมเสงี่ยมใจ ปัญญาไวเพราะคบหาปัญญาชน
บุญเป็นเหตุให้เกิดความสุขความเจริญ และความอยู่รอดปลอดภัยแห่งชีวิต ดังกล่าวมานี้ บุญจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ สมดังพุทธภาษิตในติกนิบาต อังคุตตรนิกายว่า
ปุญญานิ กิริยาถ สุขาวหานิ. ควรทำบุญอันนำสุขมาให้
บุญนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัว ใครทำใครได้ ดังพระพุทธพจน์ว่า ความหมดจด (ความดี) หรือความเศร้าหมอง (ความชั่ว) เป็นเรื่องเฉพาะตน คนอื่นทำคนอื่นให้หมดจดหรือให้เศร้าหมองไม่ได้ ตัวอย่างง่าย ๆ สมมติว่า นักเรียน ๒ คน เป็นเพื่อนรักกัน คนหนึ่งเรียนเก่ง คนหนึ่งเรียนไม่เก่ง คนเรียนเก่งสงสารเพื่อนอย่างไร ก็ไม่สามารถจะแบ่งเอาความเก่งของตนไปให้เพื่อนได้ หรือเพื่อนที่เรียนไม่เก่งจะคิดแย่งชิงโดยการลักขโมย ปล้นจี้เอาความเก่งไปจากเพื่อนก็ไม่ได้เหมือนกัน มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือถ้าอยากเก่งต้องขยันหมั่นเพียร ฝึกฝนด้วยตนเอง จะไปขอหรือแย่งชิงเอาจากคนอื่นเหมือนกับสิ่งของไม่ได้
เรื่องบุญที่ได้อธิบายมาโดยย่อพอสรุปได้ดังนี้ คำว่าบุญ เป็นชื่อของความดีที่ควรทำทุกอย่าง เครื่องมือทำบุญที่สำคัญที่สุดคือ กาย วาจา ใจ ของตน บุญเป็นความดีเฉพาะตน ใครทำใครได้ ดังคำพูดว่า ความดีไม่มีขาย ใครอยากได้ต้องทำเอง บุญที่ได้ทำไว้แล้วเป็นสิ่งวิเศษ สามารถเก็บเอาสมบัติทุกอย่างทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรคสมบัติ นิพพานสมบัติไว้ภายในได้มากมาย ไม่เป็นภาระที่ต้องแบกหาม โจรแย่งชิงเราไปไม่ได้ ยิ่งใช้ยิ่งมีมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า
ปุญฺญํ โจเรหิ ทูหรํ. บุญเป็นสิ่งเดียวที่โจรขโมยจากเราไปไม่ได้ (พุทธพจน์)
เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำได้มันจะเป็นสมบัติของเราไปตลอด อยากให้ชีวิตดีก็ไม่ต้องไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนหรอก อยากให้ชีวิตดี ก็ลงมือทำดี ทางกาย ทางวาจา ทางใจ
ดังได้บรรยายมาด้วยประการฉะนี้ ฯ
___
ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข , คนโง่ ไม่ควรเป็นผู้นำ , ผู้นำ ผู้ตาม , ม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก , ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ , บุญเป็นสิ่งเดียวที่โจรขโมยจากเราไปไม่ได้ , ผู้มีศีลย่อมได้รับคำชื่นชมและมีความสุขสงบใจอันเกิดจากกุศล , ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้ , สุภาษิตและสำนวนในภาษาอังกฤษ (2) , สุภาษิตและสำนวนในภาษาอังกฤษ (1) , คำคมภาษาอังกฤษ , 'เชื่อมั่นในตน' เกิดเป็นคนควรจะพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จ , ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน , ชนะตนแล ประเสริฐกว่า , ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์ , คนที่เป็นอยู่ด้วยปัญญา นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า มีชีวิตประเสริฐ , ธรรมเป็นเหตุให้ยศเจริญ , ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก , ชนเหล่าใดประมาท ชนเหล่านั้นเป็นเหมือนคนที่ตายแล้ว , จิตที่บุคคลตั้งไว้ชอบ , เพียงดังแก้วมณีโชติรส , ผู้ดำเนินชีวิตโดยธรรม , ผู้เห็นภัยในความประมาทโดยปกติ , ผู้เพ่งความสงบ พึงละโลกามิสเสีย , พุทธภาษิตเกี่ยวกับความตาย , ความไม่รู้เป็นมลทินร้ายที่สุด , คนชั่วช้า ไม่พ้นตาสังคม , เมื่อจักขุวิญญาณเห็นรูป ก็เป็นเพียงแต่เห็น , เมื่อจิตเลื่อมใสแล้ว ทักขิณาทานชื่อว่าน้อย ย่อมไม่มี , ช่วยกันเขียนให้ถูก และแปล อย่าให้ผิด , ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้ , การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง , คนล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร , มลทินที่ร้ายแรงที่สุด
0 comments: