วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564

"แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร ยังไงก่อน" -พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ

แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร ยังไงก่อน

โบราณเนี่ย ท่านสอนไว้ดีมากเลยนะ "...แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร..." คนเดี๋ยวไม่สู้จะเข้าใจความหมายของสุภาษิตข้อนี้กันแล้ว 

ที่ท่านบอกว่า แพ้เป็นพระ เพราะความแพ้บางอย่างมันสอนเราได้ มันทำให้เรารู้จักละและรู้จักปลง ความแพ้บางอย่างมันให้สัจธรรมกับเรา มันทำให้เราเห็นอย่างชัดแจ้งว่า โลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่อยู่เหนือความควบคุม และโลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่เราทัดทานมันไม่ได้ 

ความแพ้ทำให้เราเป็นพระ เพราะมันช่วยกำราบความโอหังมะมังการของเรา ช่วยให้เรายอมรับขีดจำกัดและความสามารถของตนเอง ความแพ้ช่วยให้เรามองเห็นความเป็นจริงในเรื่องที่เรายังอาจดีไม่พอหรืออาจต้องฝึกหัดพัฒนาตนต่อไปอีก นี่เรียกว่าแพ้เป็นพระ

ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งที่ท่านกล่าวว่า ชนะเป็นมาร นี่ก็เป็นเรื่องของการสอนธรรมะโดยตรงเลยนะ เวลาที่เราทำอะไรแล้วเราหวังว่าเราจะต้องชนะหรือเราจะต้องอยู่เหนือทุกอย่างอยู่เหนือทุกคนในทุกๆ เรื่อง ความรู้สึกนึกคิดแบบนี้ มันเปลี่ยนเรา มันทำให้เรากลายเป็นมาร จะโดยที่เรารู้ตัวอยู่หรือไม่ทันได้รู้ตัวก็ตาม

คิดแต่เรื่องจะเอาชนะ มันก็ลืมความเป็นพี่เป็นน้อง ความเป็นเพื่อนเป็นญาติ ลืมความเป็นมนุษย์เป็นสัตว์ ซึ่งมีชีวิตเหมือนๆ กัน เสพติดความชนะมากเข้า มันก็มีแต่เรื่องที่จะเพิ่มโลภะและโทสะให้มากขึ้น มันจะคิดแต่เรื่องที่จะต้องอยากได้หรือไม่ก็ตามโกรธเกลียดชิงชังในอะไรสักอย่าง นี่แหล่ะโบราณท่านจึงบอกว่า ชนะเป็นมาร มันเป็นอย่างนี้

Credit:  พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ






Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: