[สมัยหนึ่ง ขณะที่นกุลบิดาคฤหบดีกำลังป่วยหนัก นกุลมารดาคฤหปตานี ได้กล่าวเตือนว่า]
นกุลมารดา: ท่านอย่าห่วงกังวลอะไรเลย เพราะการตาย (การกระทำกาละ) ของผู้ที่ยังมีความห่วงใยอยู่นั้นเป็นทุกข์ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ติเตียนอยู่ ท่านไม่ต้องห่วงว่าเมื่อท่านจากไปแล้ว ฉันจะหาเลี้ยงลูกไม่ได้ เพราะฉันเป็นคนฉลาดปั่นฝ้ายทำขนสัตว์ ฉันหาเลี้ยงลูกได้ ท่านไม่ต้องห่วงว่าเมื่อท่านจากไปแล้ว ฉันจะมีสามีใหม่ เราสองคนรู้อยู่ว่า เราอยู่กันมาอย่างเคร่งครัดต่อประเพณีตลอด 16 ปี
ท่านไม่ต้องห่วงว่าเมื่อท่านจากไปแล้ว ฉันจะไม่ไปพบพระพุทธเจ้า ไม่พบพระสงฆ์ เพราะเมื่อท่านไม่อยู่แล้ว ฉันยิ่งจะต้องการไปพบพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์มากขึ้น ท่านไม่ต้องห่วงว่าเมื่อท่านจากไปแล้ว ฉันจะไม่รักษาศีลให้สมบูรณ์ เพราะฉันก็เป็นหนึ่งในบรรดาสาวิกาของพระพุทธเจ้าที่นุ่งห่มผ้าขาวและมีศีลที่สมบูรณ์ ถ้ามีใครเคลือบแคลงก็ขอให้ไปถามพระพุทธเจ้าซึ่งตอนนี้อยู่ที่ป่าเภสกาลามิคทายวันได้
ท่านไม่ต้องห่วงว่าเมื่อท่านจากไปแล้ว ฉันจะไม่มีความสงบในใจ เพราะฉันก็เป็นหนึ่งในบรรดาสาวิกาของพระพุทธเจ้าที่นุ่งห่มผ้าขาวและมีใจที่สงบ ถ้ามีใครเคลือบแคลงก็ขอให้ไปถามพระพุทธเจ้าได้ ท่านไม่ต้องห่วงว่าเมื่อท่านจากไปแล้ว ฉันจะคลางแคลงสงสัย ไม่เชื่อมั่นในธรรมวินัยนี้ เพราะฉันก็เป็นหนึ่งในบรรดาสาวิกาของพระพุทธเจ้าที่นุ่งห่มผ้าขาวและมีใจเชื่อมั่นในธรรมวินัยนี้ ถ้ามีใครเคลือบแคลงก็ขอให้ไปถามพระพุทธเจ้าได้ ท่านอย่าห่วงกังวลอะไรเลย เพราะการตายของผู้ที่ยังมีความห่วงใยอยู่นั้นเป็นทุกข์ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ติเตียนอยู่
[เมื่อนกุลบิดาได้ฟังเช่นนี้ ความเจ็บป่วยก็สงบระงับลง หลังจากหายป่วยไม่นาน นกุลบิดาก็ถือไม้เท้าไปหาพระพุทธเจ้าที่ป่าเภสกาลามิคทายวัน ใกล้นครสุงสุมารคีระ แคว้นภัคคะ โดยพระพุทธเจ้าได้กล่าวกับนกุลบิดาว่า]
พ: คฤหบดี เป็นลาภของท่านที่มีนกุลมารดาคอยดูแล หวังดีและตักเตือนท่าน นกุลมารดาเป็นหนึ่งในบรรดาสาวิกาของเราที่นุ่งห่มผ้าขาว มีศีลที่สมบูรณ์ มีความสงบภายในใจ และเชื่อมั่นในธรรมวินัยนี้
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 36 (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ภาค 3 สาราณียาทิวรรค นกุลสูตร ข้อ 287), 2559, น.549-552
0 comments: