อะไรคือแก่นของศาสนาพุทธ ?
[ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์ หลังจากที่พระเทวทัตได้แยกกลับไปไม่นาน พระพุทธเจ้าได้เรียกเหล่าภิกษุมาแล้วกล่าวว่า]
พ: บางคนออกบวชด้วยศรัทธา ต้องการพ้นทุกข์ แต่พอบวชแล้ว ได้ลาภสรรเสริญ กลับพอใจยึดติด ประมาทมัวเมา ยกตนข่มผู้อื่น เปรียบเหมือนคนที่ต้องการแก่นไม้ เที่ยวหาแก่นไม้ พอเจอต้นไม้ใหญ่ก็ไปตัดเอากิ่งและใบไป สำคัญผิดว่าเป็นแก่น และก็หยุดอยู่แค่นั้น
บางคนออกบวชแล้ว ไม่ยินดีในลาภสรรเสริญ ไม่ประมาทมัวเมา ถือศีลได้ครบถ้วน แต่แล้วกลับยกตนข่มผู้อื่นว่าเรามีศีล เปรียบเหมือนคนเจอต้นไม้ใหญ่ก็ไปถากเอาสะเก็ดไป สำคัญผิดว่าเป็นแก่น และก็หยุดอยู่แค่นั้น
บางคนออกบวชแล้ว ไม่ยินดีในลาภสรรเสริญ ถือศีลได้ครบถ้วน ไม่ประมาทมัวเมา เกิดสมาธิจิตตั้งมั่น แต่แล้วกลับยกตนข่มผู้อื่นว่าเรามีจิตตั้งมั่น เปรียบเหมือนคนเจอต้นไม้ใหญ่ก็ไปถากเอาเปลือกไป สำคัญผิดว่าเป็นแก่น และก็หยุดอยู่แค่นั้น
บางคนออกบวชแล้ว ไม่ยินดีในลาภสรรเสริญ ถือศีลได้ครบถ้วน เกิดสมาธิจิตตั้งมั่น ไม่ประมาทมัวเมา เกิดญาณทัสสนะ (รู้แจ้งเห็นจริง) แต่แล้วกลับยกตนข่มผู้อื่นว่าเรารู้แล้ว เห็นแล้ว เปรียบเหมือนคนเจอต้นไม้ใหญ่ก็ไปถากเอากระพี้ไป สำคัญผิดว่าเป็นแก่น และก็หยุดอยู่แค่นั้น
บางคนออกบวชแล้ว ไม่ยินดีในลาภสรรเสริญ ถือศีลได้ครบถ้วน เกิดสมาธิจิตตั้งมั่น เกิดญาณทัสสนะ ไม่ประมาทมัวเมา จนสามารถหลุดพ้นได้ในที่สุด เปรียบเหมือนคนเจอต้นไม้ใหญ่ แล้วถากเอาแก่นไป เพราะรู้ว่าแก่นคืออะไร
ภิกษุทั้งหลาย ผลดีของศาสนานี้ไม่ใช่ลาภสรรเสริญ ไม่ใช่การมีศีลพร้อม ไม่ใช่การมีสมาธิตั้งมั่น ไม่ใช่การรู้แจ้งเห็นจริง หากแต่เป็นการหลุดพ้นจากกิเลสและทุกข์ นี่คือประโยชน์ คือแก่น คือที่สุด
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 18 (พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ภาค 1 เล่ม 2 มหาสาโรปมสูตร ข้อ 347), 2559, น.533-542
0 comments: