สมัยนี้ มนุษย์โลกมี “จิตผิดปรกติ” มากขึ้น โรคภัยไข้เจ็บแปลกๆ ที่ไม่เคยมี ก็เกิดมีขึ้น จนหมอไล่ตามหลังโรคภัยไข้เจ็บแปลกๆไม่ทัน
“ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุแห่งยุคปัจจุบันนี้ มันทําให้มีสิ่งที่ทําให้ “จิตผิดปรกติ”มาก มากมาย : เรื่องกิน เรื่องอยู่ เรื่องนุ่ง เรื่องห่ม เรื่องกามารมณ์ เรื่องอะไรก็ตาม เขาทําขึ้นมาใหม่ๆ แปลกๆ แล้วรุนแรง, ทําให้มนุษย์ในโลกมีจิตผิดปรกติมากขึ้นๆ ดังนั้น โรคภัยไข้เจ็บที่ไม่เคยมีมันก็ได้เกิดมีขึ้นในโลกมนุษย์สมัยนี้ จนเรียกว่ามันนําหน้าหมอไล่ตามหลังไม่ทัน, โรคภัยไข้เจ็บแปลกๆเกิดขึ้นเป็นวิ่งเลย ความรู้ทางหมอเท่าที่มีอยู่มันไล่ตามไม่ทัน, ฉะนั้น คนก็ต้องเป็นโรคนานาชนิดและมากขึ้น, แม้โรคที่มันไม่เคยรุนแรงมันก็รุนแรงขึ้น.
อยากจะพูดชนิดที่ผู้ฟังไม่เชื่อว่า ถ้าว่า..จิตไม่ผิดปรกแล้ว มันก็จะเป็นโรคอะไรไม่ได้ โรควัณโรค โรคเรื้อรัง โรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคอะไรก็ตามเถอะ มันมาแต่จิตมันผิดปรกติอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ร่างกายที่มันเกี่ยวกับส่วนนั้นมันก็ไม่ทํางาน, มันไม่ทํางานมันก็เกิดเชื้อโรคขึ้นมาก็ได้ แล้วเป็นโรค เช่น เป็นวัณโรค เป็นโรคมะเร็งอะไรก็ได้ หรือว่ามันใช้น้ำตาลไม่หมด ไม่ถูกต้อง มันก็เป็นโรคเบาหวาน, หรือทําให้เกิดความดันสูง เพราะมีอะไรไปทําให้หัวใจมันผิดปรกติ, ความปรกติไม่มีแล้ว, มันมีแต่ความผิดปรกติแล้ว จิตผิดปรกติแล้วร่างกายก็ผิดปรกติไปตาม ถ้าเรามีความปรกติถูกต้องตามธรรมชาติแท้ๆแล้ว โรคอะไรจะเกิดขึ้นไม่ได้จากภายใน เกือบจะไม่มีโรคอะไรเกิดขึ้นได้ เดี๋ยวนี้เต็มไปหมดจนนับไม่หวาดไม่ไหว เพราะว่าความผิดปรกติของจิตในโลกปัจจุบันนี้มันมากเหลือเกิน
ถ้าเราจะเอาธรรมะเป็นที่พึ่ง ก็ศึกษาเรื่องทําจิตให้ปรกติ จิตปรกติอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะไม่มีความรู้สึกรุนแรงเกี่ยวกับราคะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง หรือชื่ออื่นๆ อีกหลายชื่อที่มันเนื่องกัน แต่รวมสรุปย่อแล้วมันเหลือแต่ ราคะ โทสะ โมหะ, ไม่มีราคะ โทสะ โมหะ มาทําให้จิตผิดปรกติ มันก็ปรกติไปหมด กินอยู่ หลับ นอน อาบ ถ่าย อะไรปรกติไปหมด มันเกิดโรคไม่ได้.
เดี๋ยวนี้แม้แต่นอนหลับมันก็นอนหลับยาก, มันก็เป็นโอกาสของโรคบางพวกแล้ว เดี๋ยวนี้เรากินของที่ไม่ควรจะกินมันก็ให้เกิดโรคบางอย่างขึ้นมาแล้ว เราไปนิยมแต่สักว่าอร่อย ไม่คํานึงถึงว่ามันเป็นอันตรายแก่สุขภาพ อาหารการกินเป็นอย่างนี้ ทีนี้ ก็มีเครื่องสนุกสนาน ที่ทําให้ไม่ต้องหลับต้องนอนกันทั้งวันทั้งคืนก็มี มันบ้ามากจนถึงกับว่าทําได้ในสิ่งที่ตามธรรมดาทําไม่ได้, เหล่านี้มันก็เป็นเรื่องที่ทําให้ “จิตผิดปรกติ” ด้วยกันทั้งนั้น แล้วก็ทรมานใจอยู่เสมอว่า เมื่อไรจะได้อะไรๆที่มันดีกว่านี้ ได้อาหารที่ดีกว่านี้ ได้เครื่องนุ่งห่มที่ดีกว่านี้ ได้บ้านที่ดีกว่านี้ ได้รถยนต์ที่ดีกว่านี้ กระทั่งว่ามันจะได้ตู้เย็นที่ดีกว่านี้ ที่ใหญ่กว่านี้, ไม่รู้จะเอาไปทําอะไร นอกจากจะเอาไปสุมให้มันบ้ามากขึ้น, ไปให้มันบ้ามากขึ้นกว่าเดิม มันไม่มีอะไร เพราะว่าที่มันมีอยู่มันก็เหลือกินเหลือใช้เหลือพอดีอยู่แล้ว ฉะนั้น คนเราจึงมีจิตผิดปรกติมากขึ้นๆ แล้วก็ได้เกิดโรคทางกายตามหลังโรคทางจิต.
นี่ขอให้ช่วยคิดนึกให้มากเถอะว่า อะไรๆก็ขอให้จิตปรกติไว้ก่อน ถ้าอะไรมันเกิดขึ้น เรื่องความวิบัติ พลัดพราก : ใครตาย ลูกตาย ผัวตาย เมียตาย หรือสูญหาย หรือเงินหาย หรืออะไรหาย ก็ตาม, ดูความที่จิตมันผิดปรกติ แล้วก็ดึงกลับมาเสียโดยเร็ว ว่าช่างหัวมัน ช่างหัวมัน ไม่รู้ไม่ชี้ ช่างหัวมัน, ฉันจะเอาจิตปรกติไว้ก่อน เอาความปลอดภัยแก่ชีวิตจิตใจไว้ก่อน, สิ่งนั้นหายไปก็หายไป นั่นแหละจะช่วยให้ปรกติอยู่ได้...”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายประจำวันเสาร์ แห่งภาคอาสาฬหบูชา เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๖ หัวข้อเรื่อง “ฟ้าสางในเรื่องทางจิต” จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ฟ้าสางระหว่าง ๕๐ ปี ที่มีสวนโมกข์ เล่ม ๒” หน้า ๑๖๕-๑๖๗
ไฟล์ PDF หนังสือธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ฟ้าสางระหว่าง ๕๐ ปี มี่มีสวนโมกข์ ตอน ๒” โหลดได้ที่นี่ http://www.buddhadasa.org/files/pdf/B_pdf/t/t51.pdf
0 comments: