ปฏิเสธคำขอของพระเทวทัตที่จะปกครองสงฆ์
[ณ นครราชคฤห์ พระเทวทัตเห็นว่าอชาตสัตตุกุมาร (ลูกของพระเจ้าพิมพิสาร) ยังเยาว์วัยอยู่และมีโอกาสเป็นใหญ่เป็นโต จึงได้พยายามทำให้อชาตสัตตุกุมารเลื่อมใสตนโดยหวังลาภสักการะมากมายที่จะตามมา ซึ่งสุดท้ายก็ทำให้อชาตสัตตุกุมารเลื่อมใสศรัทธาได้สำเร็จ จากนั้นอชาตสัตตุกุมารก็ไปหาพระเทวทัตเช้าเย็นพร้อมภัตตาหารจำนวนมาก เมื่อพระเทวทัตหลงในลาภสักการะสรรเสริญ ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ‘เราจะปกครองภิกษุสงฆ์’ ในเวลาต่อมา ภิกษุหลายรูปได้เข้าไปเล่าให้พระพุทธเจ้าฟังที่วัดเวฬุวันว่า]
ภ: อชาตสัตตุกุมารได้เข้าไปหาพระเทวทัตทั้งเช้าเย็น ขนของและภัตตาหารมากมายไปด้วย (รถ 500 คัน ภัตตาหาร 500 สำรับ)
พ: จะมากแค่ไหนพวกเธอก็อย่าไปสนใจเลย เทวทัตจะมีแต่ความเสื่อมในกุศล หาความเจริญไม่ได้ เหมือนการทาน้ำดีหมีที่จมูกลูกสุนัขที่ดุร้าย มีแต่จะทำให้ลูกสุนัขนั้นยิ่งดุขึ้นไปอีก ลาภสักการะสรรเสริญที่เทวทัตมีตอนนี้จะฆ่าเทวทัตในภายหลัง เหมือนผลกล้วย ขุยไผ่ และดอกอ้อที่ออกมาแล้วทำให้ต้นต้องตาย เหมือนแม่ม้าอัสดร (ม้าที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างลาตัวผู้และม้าตัวเมีย) ที่ต้องตายเมื่อคลอดลูกตน
[ในเวลาต่อมา ขณะที่พระพุทธเจ้านั่งแสดงธรรมแก่พระเจ้าพิมพิสารและหมู่คนจำนวนมาก พระเทวทัตก็ลุกจากที่นั่ง ห่มผ้าเฉวียงบ่า หันไปทางพระพุทธเจ้าแล้วนั่งลงยกมือไหว้ พร้อมกล่าวว่า]
ท: ท่านพระพุทธเจ้า บัดนี้ท่านแก่ชราแล้ว เป็นผู้เฒ่าที่ผ่านเลยวัยไปแล้ว ขอท่านพักผ่อนอย่างมีความสุขเถิด มอบภิกษุสงฆ์แก่ผม ผมจะปกครองเอง
พ: อย่าเลยเทวทัต เธออย่าอยากมาปกครองสงฆ์เลย
[พระเทวทัตยังยืนยันเหมือนเดิมอีกครั้ง ในขณะที่พระพุทธเจ้าก็ย้ำคำเดิมเช่นกัน จนมาถึงครั้งที่สาม พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า]
พ: เทวทัต แม้แต่สารีบุตรและโมคคัลลานะ เรายังไม่มอบภิกษุสงฆ์ให้ปกครองเลย แล้วทำไมถึงจะต้องมอบให้เธอผู้เป็นเหมือนซากศพ ผู้กินก้อนเสมหะเล่า
[พระเทวทัตฟังแล้วก็คิดโกรธแค้นน้อยใจที่ถูกพระพุทธเจ้าว่าต่อหน้าพระเจ้าพิมพิสารและผู้คนมากมาย อีกทั้งยังยกย่องแต่พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จึงได้กลับออกไป และผูกอาฆาตพระพุทธเจ้าตั้งแต่นั้นมา]
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 9 (พระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค 2 สังฆเภทขันธกะ เรื่องพระเทวทัตแสดงอิทธิปาฏิหาริย์และเรื่องพระเทวทัตทูลขอปกครองสงฆ์ ข้อ 349), 2559, น.270-279
0 comments: