วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ให้มีสติสัมปชัญญะ ระลึกรู้ตัวอยู่ทุกขณะ

ให้มีสติสัมปชัญญะ ระลึกรู้ตัวอยู่ทุกขณะ

[หลังเดินทางออกจากหมู่บ้านนาทิกะ พระพุทธเจ้าและคณะได้เดินทางไปนครเวสาลีและเข้าพัก ณ สวนอัมพปาลี จากนั้นท่านได้กล่าวกับเหล่าภิกษุว่า]

พ: ภิกษุทั้งหลาย เธอพึงเป็นผู้มีสติ มีสัมปชัญญะ นี่เป็นคำที่เราพร่ำสอนพวกเธอ   

มีสติอย่างไร?

-พิจารณาเห็นกายในกาย (เห็นกายย่อยเช่น ลมหายใจ ในร่างกายใหญ่)  -พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา (เห็นความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์)  -พิจารณาเห็นจิตในจิต (เห็นความโลภ โกรธ หรือหลง)   -พิจารณาเห็นธรรมในธรรม (เห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่มีตัวมีตน)  เป็นผู้มีความเพียร ไม่ถูกกิเลสครอบงำทั้งในแง่ติดใจอยากได้และขัดเคืองเสียใจในโลกนี้

มีสัมปชัญญะอย่างไร?

เป็นผู้รู้ตัวอยู่เสมอขณะห่มจีวร ถือบาตร กิน ดื่ม หรือถ่ายอุจจาระปัสสาวะ

เป็นผู้รู้ตัวอยู่เสมอขณะเดิน ยืน นั่ง นอน ตื่น พูด หรือสงบนิ่ง

ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 13 (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค ภาค 2 เล่ม 1 มหาปรินิพพานสูตร ข้อ 90), 2559, น.257-258

หมอรักษาพระพุทธเจ้า,  ไม่ฉันเนื้อใน 3 กรณีเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืม,  พระพุทธเจ้ารับการรักษาและรับจีวรจากหมอชีวกโกมารภัจจ์,  ตถาคตเลิกให้พรแล้วคุณ 5 ข้อของการนอนแบบมีสติรู้ตัว,  แก้ปัญหาภิกษุโกสัมพีทะเลาะกัน (ตอนที่ 1),  (ตอนที่ 2),  (ตอนที่ 3),  (ตอนที่ 4),   (ตอนที่ 5),  (ตอนจบ),  "คว่ำบาตร" มีที่มาอย่างไร,  เรื่องไม้ชำระฟัน , วันมาฆบูชา , โอวาทปาฏิโมกข์ - Ovādapātimokkha , โอวาทปาติโมกข์ ,  แว่นธรรม-แว่นมองอนาคตตัวเอง,  ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว , วิหารทาน เป็นทานอันเลิศ ที่พระบรมศาสดาทรงสรรเสริญ




Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: