วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2564

"มณิ โชติรโส ยถา - เพียงดังแก้วมณีโชติรส" อะไรคือแก้วมณีโชติรสหรือแก้ววิเศษอันมีรัศมีรุ่งเรือง ?

"มณิ โชติรโส ยถา - เพียงดังแก้วมณีโชติรส" อะไรคือแก้วมณีโชติรสหรือแก้ววิเศษอันมีรัศมีรุ่งเรือง ?

มณิ โชติรโส ยถา  แปลว่า  "เพียงดังแก้วมณีโชติรส"  อะไรคือแก้วมณีโชติรสหรือแก้ววิเศษอันมีรัศมีรุ่งเรือง ?  ท่านทั้งหลายเคยได้รับพรจากพระสงฆ์ เวลาพระท่านขึ้น ยถา ว่า :- 

ยถา วาริวหา ปูรา   ปริปูเรนฺติ สาครํ,  เอวเมว อิโต ทินฺนํ   เปตานํ อุปกปฺปติ,  อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุมฺหํ   ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ,  สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา   จนฺโท ปณฺณรโส ยถา,  มณิ โชติรโส ยถา ฯ

แปลว่า  “ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ฉันใด  ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วฉันนั้น  ขอความปรารถนา ที่ท่านปรารถนาแล้ว ที่ท่านต้องการแล้ว จงสำเร็จแก่ท่าน  ขอความดำริชอบทั้งหลายทั้งปวงของท่านจงเต็ม เหมือนกับพระจันทร์วันเพ็ญ  เหมือนกับแก้วมณีโชติรส"  

แก้วมณีโชติรส คือแก้ววิเศษชนิดหนึ่งมีรัศมีรุ่งเรือง 

เล่าเรื่องสักนิดหนึ่ง ในรัตนสูตร พระพุทธเจ้าได้ตรัสเปรียบเทียบพระรัตนตรัย (พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ) ว่าเป็นแก้วอันสูงสุดกว่ารัตนะทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้  พระพุทธองค์ตรัสว่า  “พุทธรัตนะเป็นรัตนะที่ประเสริฐที่สุดนั้นก็เพราะไม่มีใครจะเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้ในเรื่องของคุณธรรม (ในเรื่องของศีลสมาธิและปัญญา) เพราะยากนักที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลก” 

ส่วนในจักกวัตติสูตรได้กล่าวถึงสมบัติจักรพรรดิไว้ ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว คหบดีแก้ว ปริณายกแก้ว ว่าเป็นรัตนะอันเกิดมีแก่พระเจ้าจักรพรรดิทุกๆ พระองค์.  ในอรรถกถาปปัญจสูทนี ได้ขยายเรื่องรัตนะคือแก้วไว้ ๒ ชนิด ได้แก่ 

๑. รัตนะมีวิญญาณครอง   ๒. รัตนะไม่มีวิญญาณครอง

รัตนะที่ไม่มีวิญญาณเป็นเครื่องใช้สอยของรัตนะที่มีวิญญาณ  เพราะฉะนั้น รัตนะที่มีวิญญาณจึงประเสริฐกว่ารัตนะที่ไม่มีวิญญาณ.  อนึ่งรัตนะที่มีวิญญาณครองมี ๒ ชนิด คือติรัจฉานรัตนะ (สัตว์เดรัจฉานที่ประเสริฐ) กับมนุสสรัตนะ (มนุษย์ที่ประเสริฐ).  ส่วนรัตนะที่ไม่มีวิญญาณครอง ได้แก่แก้วแหวนเงินทองเพ็ชรนิลจินดาเป็นต้น 

ติรัจฉานรัตนะ ได้แก่ช้างแก้วม้าแก้ว  สำหรับมนุสสรัตนะท่านแยกประเภทเป็นชายแก้วหญิงแก้ว ในบรรดาชายแก้วแบ่งเป็นฆราวาสและนักบวช ฆราวาสได้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ  แม้ว่าพระเจ้าจักรพรรดิจะเป็นผู้ประเสริฐก็ยังต้องเบญจางคประดิษฐ์แก่สามเณรผู้บวชในวันนั้น 

บรรดานักบวชในพระพุทธศาสนามีทั้งพระเสขะ (ผู้ยังต้องศึกษา) ทั้งพระอเสกขะ (ผู้ไม่ต้องศึกษาแล้วได้แก่พระอรหันต์) พระอเสกขะนับว่ายอดเยี่ยม พระอเสกขะนั้นมี ๒ คือพุทธรัตนะกับสาวกรัตนะ ในบรรดาพุทธรัตนะนั้นก็มี ๒ คือ ปัจเจกพุทธรัตนะกับสัพพัญญูพุทธรัตนะ สัพพัญญูพุทธรัตนะเป็นผู้ยอดเยี่ยมที่สุด

พุทธรัตนะนั้นเป็นแสงส่องธรรมรัตนะในโลก (เป็นผู้ประกาศพระสัทธรรม)  ธรรมรัตนะก็เป็นบ่อเกิดแห่งสังฆรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นผู้ปฏิบัติตามพระสัทธรรม เป็นผู้ทรงธรรม และสั่งสอนธรรมนั้นสืบๆ กันต่อมา 

ท่านทั้งหลาย เมื่อท่านได้รับพรว่า “ขอความดำริชอบทั้งหลายทั้งปวงของท่านจงเต็ม ฯลฯ เหมือนกับแก้วมณีโชติรส” ดังนี้แล้ว  ถามว่า รัตนะคือแก้วมณีนั้นให้อะไร ?

มีพระบาลีว่า  สพฺพกามททํ มณิรตนํ  แปลว่า “รัตนะคือแก้วมณีนี้ให้สมบัติอันน่าปรารถนาทั้งปวง"  หมายความว่า เมื่อเราได้สร้างความดีไว้แล้วจะได้รัตนะอันเป็นที่พึ่งที่ประเสริฐสุด คือคุณงามความดีที่เราได้สร้างไว้แล้วนั้นแหละจะเป็นดั่งแก้วมณีอันสว่างไสวนำพาชีวิตของเราให้รุ่งเรืองสืบต่อไป

สรุปว่า แก้วมณีโชติรสในที่นี้ก็คือบุญ คุณงามความดีที่เราได้สร้างไว้แล้วนั่นเอง แม้พระมหาบุรุษโพธิสัตว์เจ้าผู้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็ยังทรงสั่งสมบุญบารมี เพราะฉะนั้น อย่าลื่มสร้างบุญกุศลไว้ให้เป็นบารมีมากๆชีวิตจะได้เจริญรุ่งเรืองดั่งแก้วมณีโชติรส.

พระมหาวัชระ เชยรัมย์




Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: