"มณิ โชติรโส ยถา - เพียงดังแก้วมณีโชติรส" อะไรคือแก้วมณีโชติรสหรือแก้ววิเศษอันมีรัศมีรุ่งเรือง ?
มณิ โชติรโส ยถา แปลว่า "เพียงดังแก้วมณีโชติรส" อะไรคือแก้วมณีโชติรสหรือแก้ววิเศษอันมีรัศมีรุ่งเรือง ? ท่านทั้งหลายเคยได้รับพรจากพระสงฆ์ เวลาพระท่านขึ้น ยถา ว่า :-
ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาครํ, เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ, อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุมฺหํ ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ, สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา จนฺโท ปณฺณรโส ยถา, มณิ โชติรโส ยถา ฯ
แปลว่า “ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ฉันใด ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วฉันนั้น ขอความปรารถนา ที่ท่านปรารถนาแล้ว ที่ท่านต้องการแล้ว จงสำเร็จแก่ท่าน ขอความดำริชอบทั้งหลายทั้งปวงของท่านจงเต็ม เหมือนกับพระจันทร์วันเพ็ญ เหมือนกับแก้วมณีโชติรส"
แก้วมณีโชติรส คือแก้ววิเศษชนิดหนึ่งมีรัศมีรุ่งเรือง
เล่าเรื่องสักนิดหนึ่ง ในรัตนสูตร พระพุทธเจ้าได้ตรัสเปรียบเทียบพระรัตนตรัย (พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ) ว่าเป็นแก้วอันสูงสุดกว่ารัตนะทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่า “พุทธรัตนะเป็นรัตนะที่ประเสริฐที่สุดนั้นก็เพราะไม่มีใครจะเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้ในเรื่องของคุณธรรม (ในเรื่องของศีลสมาธิและปัญญา) เพราะยากนักที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลก”
ส่วนในจักกวัตติสูตรได้กล่าวถึงสมบัติจักรพรรดิไว้ ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว คหบดีแก้ว ปริณายกแก้ว ว่าเป็นรัตนะอันเกิดมีแก่พระเจ้าจักรพรรดิทุกๆ พระองค์. ในอรรถกถาปปัญจสูทนี ได้ขยายเรื่องรัตนะคือแก้วไว้ ๒ ชนิด ได้แก่
๑. รัตนะมีวิญญาณครอง ๒. รัตนะไม่มีวิญญาณครอง
รัตนะที่ไม่มีวิญญาณเป็นเครื่องใช้สอยของรัตนะที่มีวิญญาณ เพราะฉะนั้น รัตนะที่มีวิญญาณจึงประเสริฐกว่ารัตนะที่ไม่มีวิญญาณ. อนึ่งรัตนะที่มีวิญญาณครองมี ๒ ชนิด คือติรัจฉานรัตนะ (สัตว์เดรัจฉานที่ประเสริฐ) กับมนุสสรัตนะ (มนุษย์ที่ประเสริฐ). ส่วนรัตนะที่ไม่มีวิญญาณครอง ได้แก่แก้วแหวนเงินทองเพ็ชรนิลจินดาเป็นต้น
ติรัจฉานรัตนะ ได้แก่ช้างแก้วม้าแก้ว สำหรับมนุสสรัตนะท่านแยกประเภทเป็นชายแก้วหญิงแก้ว ในบรรดาชายแก้วแบ่งเป็นฆราวาสและนักบวช ฆราวาสได้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ แม้ว่าพระเจ้าจักรพรรดิจะเป็นผู้ประเสริฐก็ยังต้องเบญจางคประดิษฐ์แก่สามเณรผู้บวชในวันนั้น
บรรดานักบวชในพระพุทธศาสนามีทั้งพระเสขะ (ผู้ยังต้องศึกษา) ทั้งพระอเสกขะ (ผู้ไม่ต้องศึกษาแล้วได้แก่พระอรหันต์) พระอเสกขะนับว่ายอดเยี่ยม พระอเสกขะนั้นมี ๒ คือพุทธรัตนะกับสาวกรัตนะ ในบรรดาพุทธรัตนะนั้นก็มี ๒ คือ ปัจเจกพุทธรัตนะกับสัพพัญญูพุทธรัตนะ สัพพัญญูพุทธรัตนะเป็นผู้ยอดเยี่ยมที่สุด
พุทธรัตนะนั้นเป็นแสงส่องธรรมรัตนะในโลก (เป็นผู้ประกาศพระสัทธรรม) ธรรมรัตนะก็เป็นบ่อเกิดแห่งสังฆรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นผู้ปฏิบัติตามพระสัทธรรม เป็นผู้ทรงธรรม และสั่งสอนธรรมนั้นสืบๆ กันต่อมา
ท่านทั้งหลาย เมื่อท่านได้รับพรว่า “ขอความดำริชอบทั้งหลายทั้งปวงของท่านจงเต็ม ฯลฯ เหมือนกับแก้วมณีโชติรส” ดังนี้แล้ว ถามว่า รัตนะคือแก้วมณีนั้นให้อะไร ?
มีพระบาลีว่า สพฺพกามททํ มณิรตนํ แปลว่า “รัตนะคือแก้วมณีนี้ให้สมบัติอันน่าปรารถนาทั้งปวง" หมายความว่า เมื่อเราได้สร้างความดีไว้แล้วจะได้รัตนะอันเป็นที่พึ่งที่ประเสริฐสุด คือคุณงามความดีที่เราได้สร้างไว้แล้วนั้นแหละจะเป็นดั่งแก้วมณีอันสว่างไสวนำพาชีวิตของเราให้รุ่งเรืองสืบต่อไป
สรุปว่า แก้วมณีโชติรสในที่นี้ก็คือบุญ คุณงามความดีที่เราได้สร้างไว้แล้วนั่นเอง แม้พระมหาบุรุษโพธิสัตว์เจ้าผู้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็ยังทรงสั่งสมบุญบารมี เพราะฉะนั้น อย่าลื่มสร้างบุญกุศลไว้ให้เป็นบารมีมากๆชีวิตจะได้เจริญรุ่งเรืองดั่งแก้วมณีโชติรส.
พระมหาวัชระ เชยรัมย์
0 comments: