เหตุไร ตรัสให้คฤหัสถ์โสดาบันกราบไหว้ ลุกรับภิกษุสามเณรปุถุชนเล่า?
เสฏฐธัมมปัญหา (ถามว่า ทรงตรัสว่าโลกุตตรธรรมประเสริฐ เหตุไรกลับทรงตรัสให้คฤหัสถ์โสดาบันกราบไหว้ ลุกรับภิกษุสามเณรปุถุชนเล่า?) (ตอนที่หนึ่ง)
พระเจ้ามิลินท์ "พระคุณเจ้านาคเสน พระผู้มีพระภาคทรงภาษิตความข้อนี้ไว้ว่า ‘ธมฺโม หิ วาเสฏฺฐ เสฏฺโฐ ชเนตสฺมึ ทิฏฺเฐ เจว ธมฺเม อภิสมฺปราเย จ - ดูก่อน ท่านวาเสฏฐะ พระโลกุตรธรรม(มรรค 4 ผล 4 นิพพาน)เป็นสิ่งประเสริฐสุดในหมู่ชนนี้ ทั้งในอัตภาพนี้ ทั้งในอัตภาพหน้า ‘ดังนี้. และทรงตรัสไว้อีกว่า ‘อุปาสโก คิหิ โสตาปนฺโน ปิหิตาปาโย ทิฏฺฐิปฺปตฺโต วิญฺญาตสาสโน ภืกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุปฏฺเฐติ - อุบาสกคฤหัสถ์ แม้เป็นพระโสดาบันผู้ปิดอบายภูมิได้แล้ว ถึงพร้อมด้วยสัมมาทิฏฐิได้แล้ว รู้แจ้งพระศาสนาแล้ว ก็ยังต้องกราบไหว้ ลุกรับภิกษุหรือสามเณรผู้เป็นปุถุชน. พระคุณเจ้านาคเสน ถ้อยคำทั้งสองขัดแย้งกัน มี 2 เงื่อน 2 ปม ปัญหาเช่นนี้ ตกถึงแก่ท่านแล้ว ขอท่านจงคลี่คลายปัญหานั้นเถิด
พระนาคเสน "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคทรงตรัสถ้อยคำทั้งสองอย่างนั้นจริง ก็แต่ว่า ในเรื่องนั้นมีเหตุผลอยู่ เหตุผลนั้น คืออะไรเล่า ? ขอถวายพระพร มหาบพิตร ธรรมที่สร้างความเป็นสมณะ มี 20 อย่าง และธรรมที่แสดงเพศสมณะมี 2 อย่าง ดังนี้ คือ
หมวดธรรมที่สร้างความเป็นสมณะ
1. ธมฺมาราโม มีความพอใจพระธรรมวินัย องค์ธรรม คือ ฉันทะ
2. อคฺโค นิยโม มีความนิยมธรรมที่สร้างความเป็นสมณะสุดยอดในพุทธบริษัท คือ เป็นภิกษุบริษัทที่ดี องค์ธรรม คือ ค่านิยม
3. จาโร มีความประพฤติวัตร(กิจ)ปฏิบัติดี(มรรยาท)ในขันธกวัตรทั้งหลาย องค์ธรรม คือ อภิสมาจาริกศีล
4. วิหาโร มีวิหารธรรม 4 คือ อิริยาบถวิหาร(สำรวมอิริยาบถน้อยใหญ่,) ทิพยวิหาร(ฌานสมาบัติ), พรหมวิหาร 4, อริยวิหาร(ผลสมาบัติ) องค์ธรรม ก็คือ วิหารธรรม 4 ประการดังกล่าวนั่นเอง
5. สํยโม มีความงดเว้นได้เมื่อประจวบกับวิรมิตัพพวัตถุ องค์ธรรม ก็คือ วิรติ(ความงเว้น)นั่นเอง
6. สํวโร มีการปิดกั้นกิเลสด้วยธรรม 5 ประการ คือ ศีล, สติ, ญาณ, ขันติ(อโทสะ), และวิริยะ องค์ธรรมก็คือ สังวรธรรม 5 ประการนั่นเอง
7. ขนฺติ มีการยอมรับความจริงได้(อธิวาสนขันติ) ไม่เดือดร้อนขัดเคืองใจ เช่นทนต่อความร้อน-หนาวจากกุฏิที่พักตามมีตามได้ไม่มากเรื่อง องค์ธรรม ก็คือ อธิวาสนขันตินั่นเอง
8. โสรจฺจ มีความสงบเสงี่ยมอ่อนน้อมถ่อมตน องค์ธรรมก็คือ ความเป็นบุคคลผู้ว่ากล่าวได้ง่ายนั่นเอง
9. เอกตฺตจริยา มีการประพฤติปฏิบัติตนให้ดำรงอยู่ในกรรมฐาน ทั้งสมถกรรมฐาน ทั้งวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งแต่ละกรรมฐานต่างล้วนมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียวอยู่แล้ว องค์ธรรม ก็คือ การเจริญสมถกรรมฐาน และการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่นเอง
10. เอกตฺตาภิรติ มีความชอบใจที่เจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานซึ่งล้วนแต่มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว องค์ธรรมก็คือ ฉันทะ ที่ชอบใจการเจริญกรรมฐานทั้งหลายนั่นเอง
11. ปฏิสลฺลานํ มีการหลีกออกจากหมู่ เพื่อหนีความวุ่นวาย แล้วเร้นจิตไว้ในกรรมฐาน องค์ธรรมก็คือเนกขัมมะนั่นเอง
12. หิริโอตฺตปฺปํ มีความละอายและความเกรงกลัวบาป คือ ละอายและเกรงกลัวทุจริตทางทวารทั้ง 3 มีกายทุจริตเป็นต้น องค์ธรรมก็คืิอ ความละอายและความเกรงกลัวทุจริตนั่นเอง
13. วิริยํ มีความเพียร เป็นความเพียรที่เป็นไปในกิจ 4 อย่าง คือ เพียรป้องกันอกุศธรรม(นิวรณ์)ที่ยังไม่เกิด ไม่ให้มีโอกาสเกิดขึ้น 1.เพียรละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว 1. เพียรทำกุศลธรรม(สมาธิ วิปัสสนา และมรรค)ที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น 1. เพียรเจริญเพิ่มพูลกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว กระทำไม่ให้หลงลืม ให้ตั้งมั่นอยู่ได้ เจริญยิ่งๆขึ้นไป 1. องค์ธรรมก็คือ สัมมัปปธาน 4 นั่นเอง
14. อปฺปมาโท มีความไม่ประมาท คือ ความไม่ชล่าใจปล่อยใจให้ละเลยการเจริญอธิกุศล มี อธิศีลสิกขา เป็นต้น องค์ธรรม ก็คือ ความไม่ชล่าใจนั่นเอง
15. สิกขาสมาทานํ มีความตั้งใจสมาทานรักษาอธิไตรสิกขา องค์ธรรมก็คือ การสมาทานอธิไตรสิกขานั่นเอง
16. อุทฺเทโส มีการยกเอาพระพุทธพจน์ขึ้นมากล่าวแสดง องค์ธรรมก็คือการเรียนพระพุทธพจน์นั่นเอง
17. ปริปุจฺฉา มีการนำเอาคำอธิบายความของอรรถกถามาขยายความพุทธพจน์
องค์ธรรม ก็คือการเรียนอรรถกถานั่นเอง
18. สีลาทิอภิรติ มีความชื่นชอบที่จะเจริญคุณธรรมมีศีลเป็นต้นอย่างยิ่งยวด ตามแบบอย่างเพื่อนพรหมจรรย์เหล่านั้น ที่ท่านทรงคุณธรรมนั้นๆได้ องค์ธรรมก็คือฉันทพละที่ชื่นชอบการเจริญคุณธรรม
19. นิราลยตา ไม่มีความอาลัยกายและชีวิต คือ ไม่มีเคหสิตตัณหา(ตัณหาอาศัยเรือน เป็นตัณหาที่ติดอยู่กับกามคุณ 5 ความไม่มีตัณหาที่เรียกว่าไม่มีอาลัยนี้ องค์ธรรมก็คือ การละได้เป็นตทังคปหานด้วยวิปัสสนา, การละได้เป็นวิกขัมภนปหานด้วยสมาธิ, การละได้เป็นสมุจเฉทปหานด้วยมรรคนั่นเอง
20. สิกขาปทปริปูริตา มีการทำสิกขาบทใหญ่น้อยทั้งหลายที่ทรงบัญญัติไว้ ให้เต็ม ให้บริบูรณ์อยู่เสมอ เมื่อต้องอาบัติ ก็ต้องรีบปลงไม่ให้อาบัติติดตัว หากสงสัยไม่แน่ใจก็ปรึกษาไต่ถามท่านที่ทรงพระวินัย องค์ธรรมก็คือ อปริยันตปาริสุทธิศีลนั่นเอง
หมวดธรรมที่แสดงเพศสมณะ 1. กาสาวธารณํ การทรงผ้ากาสาวพัสตร์ คือการนุ่งห่มไตรจีวรที่ทำด้วยผ้าย้อมฝาด 2. ภณฺฑุภาโว ความมีศรีษะโล้น คือ มีศรีษะโล้นเพราะปลงผม ไม่ใช่มีศรีษะโล้น เพราะสักแต่ว่าเป็นคนไม่มีผม และไม่ใช่ศรีษะโล้น. เพราะการถอนออกเหมือนอย่างพวกเดียรถีย์ในลัทธิภายนอก ” (โปรดติดตามตอนที่สองต่อครับ)
มิลินทปัญหา (ตอนที่ 50) , (ตอนที่ 49) , (ตอนที่ 48) , (ตอนที่ 47) , (ตอนที่ 46) , (ตอนที่ 45) , (ตอนที่ 44) , (ตอนที่ 43) , (ตอนที่ 42) , (ตอนที่ 41) , (ตอนที่ 40) , (ตอนที่ 39) , (ตอนที่ 38) , (ตอนที่ 37) , (ตอนที่ 36) , (ตอนที่ 35) , (ตอนที่ 34) , (ตอนที่ 33) , (ตอนที่ 32) , (ตอนที่ 31) , (ตอนที่ 30) , (ตอนที่ 29) , (ตอนที่ 28) , (ตอนที่ 27) , (ตอนที่ 26) , (ตอนที่ 25) , (ตอนที่ 24) , (ตอนที่ 23) , (ตอนที่ 22) , (ตอนที่ 21 ต่อ) , (ตอนที่ 21) , (ตอนที่ 20) , (ตอนที่ 19) , (ตอนที่ 18) , (ตอนที่ 17) , (ตอนที่ 16) , (ตอนที่ 15) , (ตอนที่ 14) , (ตอนที่ 13) , (ตอนที่ 12) , (ตอนที่ 11) , (ตอนที่ 10) , (ตอนที่ 9) , (ตอนที่ 8) , (ตอนที่ 7) , (ตอนที่ 6) , (ตอนที่ 5) , (ตอนที่ 4) , (ตอนที่ 3) , (ตอนที่ 2) , (ตอนที่ 1) , ประโยชน์การอุปมาอันได้จากการศึกษาคัมร์ในทางพุทธศาสนา มีคัมภีร์มิลินท์ปัญหาเป็นต้น , มิลินทปัญหา ปัญหาเกี่ยวกับการไม่เคลื่อนไปก็ปฏิสนธิได้ , เหตุไร ตรัสให้คฤหัสถ์โสดาบันกราบไหว้ ลุกรับภิกษุสามเณรปุถุชนเล่า? , นิปปปัญจปัญหา - ปัญหาเกี่ยวกับธรรมที่ปราศจากเหตุให้เนิ่นช้าในวัฏฏทุกข์ , ถามว่า อานิสงส์การเจริญเมตตา ห้ามอันตรายต่างๆ เหตุไรสุวรรณสามผู้เจริญเมตตาจึงถูกยิงเล่า?
0 comments: