จงมีสติสัมปชัญญะ ในกาลทุกเมื่อ อย่าได้ดีใจหรือเสียใจ ในอารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ โปรดพิจารณาดูเนื้อความในสตตวิหารธรรม
สตตวิหาร แปลว่าธรรมเป็นเครื่องอยู่เนืองๆ มี ๖ อย่าง คือ
๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยนัยน์ตาแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ แต่เป็นผู้วางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่
๒. ฟังเสียงด้วยหูแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ แต่เป็นผู้วางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่
๓. ดมกลิ่นด้วยจมูกแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ แต่เป็นผู้วางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่
๔. ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ แต่เป็นผู้วางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่
๕. ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ แต่เป็นผู้วางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่
๖. รู้แจ้งธรรมด้วยใจแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ แต่เป็นผู้วางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่
ธรรมทั้ง ๖ ประการนี้เป็นธรรมเครื่องอยู่ คืออยู่อย่างใช่สติและปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาอารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เพื่อมิให้ใจเกิดความยินดีในอารมณ์อันเป็นที่น่ายินดี หรือเพื่อมิให้ใจเกิดความยินร้ายในอารมณ์อันไม่น่าปรารถนา หรือเพื่อมิให้ใจลุ่มหลงติดอยู่ในกามคุณอารมณ์นั้นๆ เพราะความเพ่งพิจารณาไม่ดี จนมีใจวางเฉยเป็นกลางในสัตว์และสังขารทั้งหลาย มีตนเป็นกลางอยู่ ดังนี้ ฯ
สาระธรรมจากสังคีติสูตรและอรรถกถา (ฉกฺกวณฺณนา)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์
13/3/64
0 comments: