วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2564

ในภาษาบาลีคำว่า “โลก” มีความหมายว่าอย่างไร ? โลกมีกี่อย่าง ? ทำไมเราจึงต้องรู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ?


โลโก  แปลว่า  "โลก" ในภาษาบาลีคำว่า “โลก” มีความหมายว่าอย่างไร ?  โลกมีกี่อย่าง ? ทำไมเราจึงต้องรู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ?

คำว่าโลก มาจากโลกธาตุ ท่านใช้ในความหมายว่า  "ดู, เห็น, แลดู"  ฉะนั้นโลกจึงแปลว่า "สิ่งที่บุคคลดู, หรือเห็น, หรือแลดู" ท่านกล่าวว่าโลกมี ๓ ประเภท คือ :- ๑. สังขารโลก  โลกคือสังขาร  ๒. สัตตโลก  โลกคือหมู่สัตว์ ๓. โอกาสโลก  โลกคือภิภพ

ในโลกทั้ง ๓ นั้น  สังขารท่านเรียกว่าโลก เพราะมีปัจจัยปรุงแต่ง  เช่น  สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺฐิติกา  แปลว่า  "สัตว์ทั้งปวงดำรงอยู่ได้เพราะอาหาร"  สัตว์ (สังขาร) นี้ถูกปรุงแต่งขึ้นจากปัจจัยต่างๆ คือจากกรรม จิต อุตุ และอาหาร เมื่อสังขารถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้นมาแล้วมีอันต้องแตกสลายย่อยยับไปเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นสังขารโลกต้องพิจารณารู้เห็นโดยความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอย่างนี้

หมู่สัตว์ (ทุกจำพวก) ในโลกท่านก็เรียกว่าโลก ท่านอธิบายไว้ว่า  "หมู่สัตว์นั้นเป็นที่ปรากฏให้เราเห็นกุศล (บุญ) อกุศล (บาป) ผลของกุศลและอกุศลนั้น (ผลของบุญและบาป)"  ดังนั้นจึงเห็นสัตว์ทั้งหลายดีหรือเลวแตกต่างกันและมีสุขหรือทุกข์แตกต่างกันตามอำนาจของผลบุญและบาปที่ทำกันมา 

ส่วนโอกาสะกล่าวคือจักรวาลท่านเรียกว่าโลก เพราะเห็นหรือปรากฏโดยอาการอันวิจิตรงดงามยิ่งนัก โลกใบนี้งดงามด้วยดวงดาวในเวลากลางคืนและสว่างไสวด้วยดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน จักวาลก็งดงามด้วยเอกภพซึ่งอยู่ในรูปแบบที่ซับซ้อนและเป็นระบบระเบียบมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ และดวงดาว

เพราะฉะนั้น โลกจึงเป็นที่ประชุมแห่งสังขารคือสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้นมา เป็นที่ประชุมแห่งหมู่สัตว์ที่เกิดมาตามอำนาจกรรมและต้องเสวยผลของกรรมนั้น  และเป็นที่เห็นหรือปรากฏโดยอาการอันวิจิตร 

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า  "สูทั้งหลาย  จงมาดูโลกนี้เถิด  อันตระการตาดุจราชรถ  ที่พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่"  จงใช้ปัญญาพิจารณาดูโลกให้เห็นโลกตามความเป็จริงแล้วสร้างกรรมดีไว้เถิดจะได้อยู่เหนือโลกคือถึงซึ่งโลกุตระ 

ถึงแม้ว่าโลกนี้จะสับสนวุ่นวายแต่ก็ไม่ควรทำตนให้เป็นคนรกโลก (น สิยา โลกวฑฺฒโน ไม่ควรเป็นคนรกโลก)

พระมหาวัชระ เชยรัมย์


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: