วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2564

อนังคณสูตร สูตรที่ว่าด้วยบุคคลผู้มีกิเลส

สมเกียรติ พลเดชอุดมคุณ

อนังคณสูตร : สูตรที่ว่าด้วยบุคคลผู้มีกิเลส สะสมเป็นเหมือนกองเนินอันกว้างใหญ่

ที่มาของพระสูตร วันหนึ่ง ขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวัน ท่านพระสารีบุตรเถระกล่าวกับภิกษุทั้งหลายโดยตั้งประเด็นเป็นหัวข้อเพื่ออธิบายความให้เข้าใจแจ่มชัด ดังนี้

ส่วนของหัวข้อ ในโลกนี้ มีบุคคลอยู่ 4 ประเภท คือ  1.ผู้มีกิเลสสะสมเป็นเหมือนกองเนินอันกว้างใหญ่ แต่ไม่รู้ตัวว่ามี  2.ผู้มีกิเลสสะสมเป็นเหมือนกองเนินอันกว้างใหญ่ และรูัตัวว่ามี  3.ผู้ไม่มีกิเลสสะสมเป็นเหมือนกองเนินอันกว้างใหญ่ แต่ไม่รู้ตัวว่าไม่มี  4.ผู้ไม่มีกิเลสสะสมเป็นเหมือนกองเนินอันกว้างใหญ่ และรู้ว่าไม่มี

ส่วนของคําอธิบาย

ท่านพระโมคคัลลานเถระ เปิดประเด็นเป็นหัวข้อ โดยการตั้งเป็นคำถามเพื่อให้ท่านพระสารีบุตรเถระอธิบายรายละเอียด ดังนี้ 

ถามว่า : 1.อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยทำให้บุคคลผู้มีการสะสมกิเลสเป็นเหมือนเนินอันกว้างใหญ่ แตกต่างกัน 2.อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยทำให้บุคคลผู้ไม่มีการสะสมกิเลสเป็นเหมือนเนินอันกว้างใหญ่แตกต่างกัน

ตอบ : ในคู่บุคคลผู้มีการสะสมกิเลสเป็นเหมือนกองเนินอันกว้างใหญ่ 2 ประเภทนั้น บุคคลประเภทที่ 1. ชื่อว่าต่ำทราม เพราะเป็นไปได้ว่า ความไม่รู้ตัวนั้นจะทำให้เขาไม่มีฉันทพยายามที่จะละกิเลสเหล่านั้น เขาจึงมีการสะสมกิเลสเป็นเหมือนกองเนินอันกว้างใหญ่ต่อไป และจะมีจิตหม่นหมองขณะตาย ทุคติจึงเป็นอันหวังได้ เปรียบเหมือนภาชนะสำริดเปี้อนฝุ่นสนิมจับเกรอะกรังก่อนนำมาจากร้านตลาดหรือตระกูลช่างทอง เจ้าของมืได้สนใจดูแล ซ้ำยังทิ้งไว้ในที่มีฝุ่นละออง ภาชนะนั้นจึงหม่นหมองถูกสนิมจับยิ่งขึ้น ส่วนบุคคลประเภทที่ 2.ชื่อว่าประเสริฐ เพราะเป็นไปได้ว่า ความรู้ตัวของเขาจะทำให้เขามีฉันทพยายามที่จะละกิเลสเหล่านั้นให้หมดไป จิตไม่หม่นหมองขณะตายไป สุคติจึงเป็นอันหวังได้ เปรียบเหมือนภาชนะสำริดที่เปื้อนฝุ่นสนิมจับเกรอะกรังมาจากร้านตลาดหรือตระกูลช่างทอง แต่เจ้าของดูแลขัดสีดี ใช้สอยก็บำรุงเป็น จึงไม่หม่นหมอง

ในคู่บุคคลผู้ไม่มีการสะสมกิเลสเป็นเหมือนเนินอันกว้างใหญ่(เช่นพรหมลูกฟักที่ปฏิสนธิในกามสุคติภูมิ 7) 2 ประเภทนั้น บุคคลประเภทที่ 3. ชื่อว่า ต่ำทราม เพราะเป็นไปได้ว่า เขาจะมนสิการสุภนิมิตร ฃึ่งเป็นเหตุให้มีการสะสมกิเลสเป็นเหมือนเนินอันกว้างใหญ่กลับเกิดขึ้นได้อีก และทำให้จิตของเขาหม่นหมองขณะตาย ทุคติจึงเป็นอันหวังได้ ้เปรียบเหมือนภาชนะสำริดที่สะอาดหมดจดมาจากร้านตลาดหรืิอตระกูลช่างทอง แต่เจ้าของมืได้ใส่ใจดูแลขัดสี ฃ้ำยังทิ้งไว้ในที่มีฝุ่นละออง จึงหม่นหมอง ถูกสนิมจับได้ ส่วนบุคคลประเภทที่ 4. ชื่อว่า ประเสริฐ เพราะเป็นไปได้ว่า เขาจะมนัสสิการอสุภนิมิต ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่มีการสะสมกิเลสเป็นเหมือนเนินอันกว้างใหญ่เกิดขึ้น ทำให้จิตไม่หม่นหมองขณะตาย สุคติจึงเป็นอันหวังได้ เปรียบเหมือนภาชนะสำริดที่สะอาดหมดจดมาจากร้านตลาดหรือตระกูลช่างทอง ที่้เจ้าของใส่ใจดูแลขัดสีดี ซ้ำยังเก็บรักษาไว้ในที่ไม่มีฝุ่นละออง ใช้สอยก็บำรุงเป็น จึงไม่หม่นหมอง

(สาระอนังคณสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ จากนิสสยะ อักษรปัลลวะ อักษรธรรมล้านช้าง)

ที่มา : http://dhamma.serichon.us


post written by:

Related Posts

  • โรคร้าย ๓ ชนิด คือโรคร้าย ๓ ชนิด คือ๑. โรคความอยาก (อิจฺฉา)  ๒. โรคความหิว (อนสนํ)  ๓. โรคชรา (ชรา)เพราะฉะนั้น คำว่า “โรค” หมายถึง ความอยาก ๑ ความอดอยาก ๑ ความทรุดโทรม … Continue Reading
  • อำนาจวาสนาอำนาจวาสนา“อำนาจ” คำนี้ช่างมีอำนาจสมชื่อจริง ๆช่างมีมนต์ขลังและมีความหอมหวนไม่น้อย เพราะดูเหมือนว่าใคร ๆ ก็ชอบความมีอำนาจกันทั้งนั้น คนที่พูดว่าฉันไม่อยากมีอำนา… Continue Reading
  • รัตนะอันสูงสุดรัตนะอันสูงสุดพระผู้มีพระภาคตรัสแก่คฤหัสถ์และบรรพชิตทั้งหลายว่า  “พระอริยะทั้งหลายกล่าว การประพฤติธรรม ๑ และการประพฤติพรหมจรรย์ ๑ ทั้ง ๒ นี้ว่า “เป็นรัตนะอ… Continue Reading
  • “อวิชชา” คืออะไร? “อวิชชา” คืออะไร?   “อวิชชา” มิใช่ความโง่เขลาทั่วๆไป“พระพุทธองค์ตรัสว่า “อวิชชา” คือ ความไม่รู้ “อริยสัจ ๔” ได้แก่ ความจริงเกี่ยวกับทุกข์ เหตุเกิดของท… Continue Reading
  • การกำหนดรู้โกธะ (ความโกรธ)การกำหนดรู้โกธะ (ความโกรธ)พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า   “ภิกษุทั้งหลาย ผู้ไม่รู้ซึ้งถึงโกธะ ยังกำหนดรู้โกธะไม่ได้ ยังไม่คลายความพอใจในโกธะนั้น ยังละโกธะไ… Continue Reading

0 comments: