วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ทองเปื้อนคูถ

ทองเปื้อนคูถ

มีแนวคิดชนิดหนึ่ง เขาบอกว่า “เลือกเอาแต่ที่ดีๆ ที่ชั่วอย่าเอา” มีผู้ยกแนวคิดนี้ขึ้นพูดในกรณีที่เห็นพระสงฆ์ท่านประพฤติการบางอย่างอันไม่เหมาะสม แต่พร้อมกันนั้นท่านก็ทำการบางอย่างอันเป็นเรื่องดี แปลว่าท่านทำทั้งดีและไม่ดี

กรณีแบบนี้แหละที่มีผู้ตั้งหลักขึ้นมาว่า อะไรที่ดีเราก็เลือกเอา อะไรที่ไม่ดีเราก็อย่าเอา 

ความจริงหลักนี้ท่านพุทธทาสภิกขุได้กล่าวถึงมานานแล้ว ดังคำกลอนที่ท่านแต่งไว้ว่า 

เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา

จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่

เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู

ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย,

จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว

อย่ามัวเที่ยว มองหา สหายเอ๋ย

เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย

ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง ฯ



แต่เรื่องไม่ควรจบเพียงแค่พูด แต่ควรมีหลักที่ถูกต้องด้วย 

ที่ว่า-อะไรที่ดีเราก็เลือกเอานั้น คือแค่ไหน   และที่ว่า-อะไรที่ไม่ดีเราก็อย่าเอานั้น คือแค่ไหน   ทั้งนี้เพราะถ้าไม่แบ่งให้ชัดเจนแน่นอน เราก็อาจจะเอาชั่วติดมากับดี หรือทิ้งดีให้เสียไปกับชั่ว 

อีกประการหนึ่ง ดีบางอย่างต้องไม่มีชั่วปน ถ้ามีชั่วปนอยู่ด้วยก็กลายเป็นยอมรับว่าชั่วเป็นดี  และชั่วบางอย่างก็เป็นตัวทำลายดี ถ้าดีชนิดนั้นมีชั่วติดมา ดีก็กลายเป็นชั่วไปด้วย

ในคัมภีร์ ท่านเล่าถึงการเล่าเรียนถ่ายทอดหลักธรรมจากคนเลวไว้เรื่องหนึ่ง ดังนี้ -

ขออนุญาตยกต้นฉบับบาลีแนบมาด้วยเพื่อเป็นอุปการะแก่นักเรียนบาลีและท่านที่ชอบบาลี ส่วนท่านที่ไม่ถนัดบาลีก็อ่านเฉพาะคำแปล (และหวังว่าท่านคงจะถนัดบาลีเข้าสักวันหนี่ง!)

โย  ปน  โกฏิยํ  ฐิโต  คณฺโฐ  ตสฺส  ปุคฺคลสฺส  อจฺจเยน  นสฺสิสฺสติ  ตํ  ธมฺมานุคฺคเหน  อุคฺคณฺหิตุํ  วฏฺฏตีติ  วุตฺตํ  ฯ     ท่านกล่าวไว้ (ในอรรถกถาทั้งหลาย) ว่า คัมภีร์ใดดำรงอยู่ในช่วงเวลาสุดท้าย จักสูญหายไปโดยกาลล่วงไปแห่งบุคคลผู้ทรงคัมภีร์นั้น จะเรียนเอาคัมภีร์นั้นไว้เพื่ออนุเคราะห์ธรรม (คือเพื่อให้หลักธรรมนั้นยังคงมีอยู่ต่อไป) ก็ควรอยู่ 

ตตฺรีทํ  วตฺถุ    ในการเรียนคัมภีร์เพื่ออนุเคราะห์ธรรมนั้น มีเรื่องต่อไปนี้ (เป็นอุทาหรณ์) :-

มหาภเย  กิร  เอกสฺเสว  ภิกฺขุโน  มหานิทฺเทโส  ปคุโณ  อโหสิ  ฯ    ได้ยินว่าในยุคมหาภัย ได้มีภิกษุผู้ชำนาญมหานิเทศเหลืออยู่เพียงรูปเดียวเท่านั้น 

อถ  จตุนฺนิกายิกติสฺสตฺเถรสฺส  อุปชฺฌาโย  มหาติปิฏกตฺเถโร  นาม  มหารกฺขิตตฺเถรํ  อาห     ครั้งนั้น พระมหาเถระชื่อมหาติปิฎกเถระซึ่งเป็นพระอุปัชฌายะของพระติสสเถระผู้ทรงนิกาย ๔ กล่าวกะพระมหารักขิตเถระว่า 

อาวุโส  มหารกฺขิต  เอตสฺส  สนฺติเก  มหานิทฺเทสํ  คณฺหาหีติ  ฯ    อาวุโสมหารักขิต! คุณจงเรียนเอามหานิเทศในสำนักแห่งภิกษุนั่นเถิด

ปาโป  กิรายํ  ภนฺเต  น  คณฺหามีติ  ฯ    พระมหารักขิตเถระกราบเรียนว่า ได้ทราบว่าท่านรูปนี้เลวทรามขอรับ! กระผมเรียน (กับคนแบบนี้) ไม่ได้

คณฺหาวุโส  อหนฺเต  สนฺติเก  นิสีทิสฺสามีติ  ฯ   เรียนไว้เถิดคุณ! ฉันจักนั่งใกล้ๆ คุณ

สาธุ  ภนฺเต  ตุมฺเหสุ  นิสินฺเนสุ  อุคฺคณฺหิสฺสามีติ     ดีละขอรับ! เมื่อท่านนั่งอยู่ด้วย กระผมก็จักเรียน

ปฏฺฐเปตฺวา  รตฺตินฺทิวํ  นิรนฺตรํ  ปริยาปุณนฺโต     แล้วเริ่มเรียนติดต่อกันทั้งกลางคืนกลางวัน 

โอสานทิวเส  เหฏฺฐามญฺเจ  อิตฺถึ  ทิสฺวา    วันสุดท้ายจึงได้เห็นสตรีภายใต้เตียง 

ภนฺเต  สุตํเยว  เม  ปุพฺเพ  สจาหํ  เอวํ  ชาเนยฺยํ  น  อีทิสสฺส  สนฺติเก  ธมฺมํ  ปริยาปุเณยฺยนฺติ  อาห  ฯ    พระมหารักขิตเถระกราบเรียนว่า ท่านขอรับ! เมื่อก่อนกระผมเพียงได้ฟังมา (แต่ตอนนี้ได้เห็นกับตา) ถ้ากระผมรู้อย่างนี้ก็จะไม่เรียนธรรมในสำนักคนเช่นนี้เลย

ตสฺส  ปน  สนฺติเก  พหู  มหาเถรา  อุคฺคณฺหิตฺวา  มหานิทฺเทสํ  ปติฏฺฐเปสุํ  ฯ    พระมหาเถระเป็นอันมากได้เรียนคัมภีร์มหานิเทศในสำนักของพระมหารักขิตเถระนั้น แล้วได้ประดิษฐานมหานิเทศไว้สืบมา

ที่มา: สมันตปาสาทิกา ภาค ๒ หน้า ๒๓๒

เรื่องนี้ยกมาจากคัมภีร์ที่ใช้เป็นแบบเรียนหลักสูตรบาลีของคณะสงฆ์ นักเรียนที่เรียนในชั้น ป.ธ./บ.ศ.๖-๗ ต้องเคยผ่านมาแล้ว แต่อาจจะระลึกไม่ได้ เนื่องจากในช่วงเวลาที่เรียนนั้นมุ่งแต่จะแปลศัพท์ให้ได้ จึงไม่ได้ซึมซับเอาความรู้หรือเรื่องราวในตอนนี้เก็บเข้าไว้ในความทรงจำ และส่วนมากพอสอบผ่านก็ลืมไปเลย ไม่ได้หวนกลับไปทบทวน 

ถามว่า อ่านเรื่องนี้แล้วท่านคิดอย่างไร?

ท่านรังเกียจความทุศีล (มีสตรีอยู่ใต้เตียง-คงพอคาดเดาได้ว่าทำอะไรกัน) จึงพลอยรังเกียจหลักธรรมคือคัมภีร์มหานิเทศไปด้วย

หรือว่าท่านรักหลักธรรมคือคัมภีร์มหานิเทศที่ภิกษุทุศีลนั้นจำทรงไว้ได้ จึงพลอยยอมรับความทุศีลถึงขนาดนั้นว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายไปด้วย

ท่านจะตั้งอารมณ์อย่างไรจึงจะได้ประโยชนจากแนวคิด “เลือกเอาแต่ที่ดีๆ ที่ชั่วอย่าเอา” โดยที่ท่านจะไม่กลายเป็นคนยอมรับชั่วว่าเป็นดี หรือรังเกียจดีว่าเป็นชั่ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนท่านก็เสียหรือดูไม่ดีทั้งนั้น 

เรื่องแบบนี้อุปมาเหมือนทองเปื้อนคูถ

ถ้าอยากได้ทอง ก็ต้องจับคูถ  ถ้าเกลียดคูถ ก็อดทอง  จะทำอย่างไรดี

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย,  ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔,  ๑๑:๓๗





Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: