“..ทานจักอำนวยสมบัติให้ ดังข้าวกล้าที่ชาวนาปลูกลงในนาดีย่อมอำนวยผลให้ชาวนายินดีฉะนั้น”
“หมั่นบำเพ็ญบุญสมภารไว้ ด้วยความเชื่อมั่นในผลแห่งทานนั้นเถิด ทานจักอำนวยสมบัติให้ ดังข้าวกล้าที่ชาวนาปลูกลงในนาดีย่อมอำนวยผลให้ชาวนายินดีฉะนั้น”
แม้พระเถระในอดีตก็ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ เมื่อได้กลับชาติมาเกิด ก็บังเกิดในเรือนมีตระกูลอันสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ เจริญวัยแล้ว มีศรัทธามีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา บรรพชาแล้วไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์ ดังเช่นพระสปริวาราสนเถระ
พระสปริวาราสนเถระได้ประกาศประวัติในอดีตชาติของตนไว้ว่า
“ข้าพเจ้าไปยังสถานที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าประดับด้วยดอกมะลิซ้อนไว้แล้ว ได้ถวายบิณฑบาตแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก ทรงเป็นผู้ตรง มีพระหฤทัยตั้งมั่น ประทับนั่งบนอาสนะนั้นแล้ว ได้ทรงประกาศอานิสงส์บิณฑบาตไว้ดังนี้ว่า
“พืชแม้จะมีประมาณน้อยที่ชาวนาปลูกลงในนาดี เมฆฝนเป็นอันมากโปรยลงมาอย่างพอเหมาะ ผลย่อมให้ชาวนายินดีได้ ฉันใด
บิณฑบาตนี้ก็ฉันนั้น ท่านปลูกแล้วในนาดี ผลจักให้ท่านยินดีในภพที่ท่านเกิด”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ทรงรับบิณฑบาต บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ” ดังนี้เป็นต้น
สาระธรรมจากสปริวาราสนเถราปทาน
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
3/10/64
0 comments: