วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ต้อนรับพระพุทธเจ้าเพราะกลัวโดนญาติว่า

ต้อนรับพระพุทธเจ้าเพราะกลัวโดนญาติว่า

[จากอาปณนิคม พระพุทธเจ้าพร้อมกับภิกษุอีก 1,250 รูปได้เดินทางถึงกรุงกุสินารา พวกมัลลกษัตริย์ของชาวกุสินาราซึ่งทราบถึงการเดินทางมาของคณะพระพุทธเจ้าจึงร่วมกันตั้งกฎว่า]

ม:  ผู้ใดไม่ต้อนรับพระพุทธเจ้า จะต้องถูกปรับเป็นเงิน 500 กหาปณะ (2,000 บาท)

[หลังจากโรชะมัลลกษัตริย์ซึ่งเป็นเพื่อนกับพระอานนท์ด้วยให้การต้อนรับคณะเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้าไปหาพระอานนท์ถึงที่พัก]

อ:  ท่านโรชะ การต้อนรับพระพุทธเจ้าครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก

ร:  พระอานนท์ ที่ข้าต้อนรับใหญ่โตนี่ไม่ใช่เพราะข้าเลื่อมใสในตัวพระพุทธเจ้า คำสอน หรือพระสงฆ์ของท่านนะ แต่เพราะพวกญาติต่างหากที่ตั้งกติกาไว้ว่า ใครไม่ต้อนรับพระพุทธเจ้า จะต้องถูกปรับเป็นเงิน 500 กหาปณะ ถ้าไม่ต้อนรับอย่างนี้ก็กลัวจะถูกปรับเงินเอา

อ:  ทำไมท่านพูดแบบนี้ (กล่าวด้วยความไม่พอใจ)

[พระอานนท์จึงไปแจ้งให้พระพุทธเจ้าทราบ]

อ:  โรชะมัลลกษัตริย์คนนี้มีชื่อเสียง มีคนรู้จักมาก ถ้าคนแบบนี้เลื่อมใสในพระธรรมคำสอน ก็จะมีอิทธิพลต่อคนจำนวนมาก ขอท่านโปรดทำให้โรชะมัลลกษัตริย์ผู้นี้เกิดความเลื่อมใสด้วยเถิด

พ:  อานนท์ ตถาคตทำได้ไม่ยากเลย

[พระพุทธเจ้าได้แผ่เมตตาจิตไปยังโรชะมัลลกษัตริย์ แล้วลุกเดินเข้าวิหารไป ฝ่ายโรชะฯเมื่อถูกเมตตาจิตของพระพุทธเจ้าส่งมาถึงแล้ว ก็เที่ยวเดินถามหาพระพุทธเจ้า]

ร:  ท่านภิกษุ ตอนนี้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นอยู่ที่ไหน ข้าอยากจะพบ

ภ:  ท่านโรชะ ประตูวิหารปิดอยู่ ขอให้ท่านเงียบเสียง ค่อยๆเดินไปหน้าประตู กระแอมเบาๆและเคาะประตู พระพุทธเจ้าท่านจะเปิดประตูรับ

[โรชะฯเคาะประตูและได้พบกับพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมตามลำดับตั้งแต่ขั้นต้นขึ้นไป 5 ข้อ (อนุปุพพิกถา) คือ เรื่องทาน ศีล สวรรค์ โทษของกามคือความใคร่ความอยาก และประโยชน์ของการออกบวช ออกจากกิเลสทั้งปวง ละเว้นจากกาม ซึ่งเมื่อท่านเห็นว่า ท่านโรชะฯมีจิตใจที่พร้อมจะฟังธรรมที่ยากขึ้นแล้ว ก็ได้สอนเรื่องอริยสัจ 4 (ความจริงแท้ 4 ข้อ คือ ทุกข์ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ การดับทุกข์ และวิธีดับทุกข์) หลังจากฟังแล้ว ท่านโรชะฯเกิดดวงตาเห็นธรรม คือ เห็นว่าสิ่งต่างๆมีเกิดมีดับเป็นธรรมดา และรู้สึกเลื่อมใสในคำสอนนี้]

ร: ขอท่านและภิกษุทั้งหลายโปรดรับจีวร บิณฑบาต และปัจจัยต่างๆจากข้าพระองค์แต่ผู้เดียวได้ไหม อย่ารับจากคนอื่นอีก

พ:  โรชะ คนอื่นๆก็อาจจะคิดแบบท่านว่าขอให้รับจากเราคนเดียว แต่เพราะอย่างนั้น เหล่าภิกษุจึงต้องรับปัจจัยของท่านด้วย และของคนอื่นด้วย

[ต่อมา ประชาชนในเมืองได้ตั้งแถวถวายภัตตาหาร ซึ่งยังไม่ถึงคิวของโรชะมัลลกษัตริย์ ระหว่างนั้นโรชะฯก็คิดว่า มีอะไรที่คนยังไม่ได้ถวายอีกไหม เราจะได้ถวายสิ่งนั้น เมื่อคิดแล้วก็เดินเข้าไปถามพระอานนท์]

ร:  พระอานนท์ ข้าเห็นว่ามีของสองอย่างที่คนยังไม่ได้ถวายคือ ผักสดกับของขบฉันที่ทำจากแป้ง ถ้าข้าถวาย พระพุทธเจ้าจะรับไหม

อ:  เดี๋ยวจะลองถามท่านดู

[เมื่อพระอานนท์ถาม พระพุทธเจ้าก็อนุญาตให้ถวาย แต่เหล่าภิกษุยังไม่กล้ารับ พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า]

พ:  เธอจงรับประเคนเถิด

[หลังจากเดินทางกลับแล้ว พระพุทธเจ้าได้กล่าวกับภิกษุทั้งหลายว่า]

พ:  เราอนุญาตผักสดทุกชนิดและของขบฉันที่ทำจากแป้งทุกชนิด

ที่มา:  เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 7 (พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 2 เภสัชชขันธกะ พุทธานุญาตผักและแป้ง), 2559, น.145-149

 ไม่คิดแพ้ชนะ,  ทำเขาไว้อย่างไร ก็โดนคืนอย่างนั้น,  บาปและบุญคือเงาตามตัวไปโลกหน้า,  วิธีดึงให้หันมาหาแก่นแท้,  ไม่ตึงไม่หย่อนไป,  เมื่อรู้แจ้งอริยสัจ 4 แล้ว จะไม่มีการเกิดอีก,  คนพาลที่ไปเกิดเป็นสัตว์แล้วจะกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งนั้นยากแค่ไหน,  รับนิมนต์และสวนที่ถวายโดยหญิงงามเมือง,  การกล่าวไตรสรณคมน์ (การถึงที่พึ่งทั้งสาม) 3 ครั้ง,  ฉันเนื้อได้ด้วยเงื่อนไข 3 ข้อ,  อนุญาตน้ำปานะ





Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: