“ข้าวขาวดังดอกบัว เป็นคำจบขันข้าวใส่บาตร”
อิทัง ทานัง สีละวันตานัง ภิกขูนัง นิยยาเทมิ สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง นิพพานะปัจจะโย โหตุ ฯ
(ข้าวของข้าพเจ้า ขาวดังดอกบัว ยกขึ้นเหนือหัว ถวายแด่พระพุทธ ถวายแด่พระธรรม ถวายแด่พระสงฆ์ ตั้งจิตจำนง ตรงต่อพระนิพพานเทอญ)
พระกาฬุทายีเถระ เป็นพระภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้าชาวแคว้นสักกะ เป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (เกิดในเวลาเดียวกัน) เป็นหนึ่งในพระอสีติมหาสาวกสำคัญในสมัยพุทธกาล
พระกาฬุทายีเถระ เดิมเป็นมหาดเล็กในพระองค์ของพระเจ้าสุทโธทนศากยราช ถูกส่งไปทูลเชิญพระบรมศาสดาให้เสด็จกลับกบิลพัสดุ์ แต่ได้ฟังธรรมแล้วออกบวชในพระพุทธศาสนา เมื่อได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้นำสำคัญที่ทำให้เหล่าชาวเมืองกบิลพัสดุ์เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงยกย่องท่านว่าเป็นเอตทัคคะคือพระสงฆ์ผู้เลิศกว่าภิกษุองค์อื่น ในด้านเป็นผู้ยังสกุลที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส บุพกรรมของท่านนั้นได้เคยถวายข้าวสุกชั้นดีขาวดังดอกบัวแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมตตระ
พระกาฬุทายีเถระได้ประกาศประวัติในอดีตชาติของตนไว้ว่า
“เมื่อพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่ เสด็จดำเนินทางไกลเที่ยวจาริกไปในครั้งนั้น
ข้าพเจ้าได้ถือดอกปทุมดอกอุบลและดอกมะลิซ้อนที่บานสะพรั่ง และถือข้าวสุกชั้นดีมาถวายพระศาสดา
อนึ่ง ในเมื่อพระมหาวีระเสวยข้าวสุกชั้นดีและโภชนะอย่างดีแล้ว (ข้าพเจ้านามว่ากาฬุทายี) รับดอกไม้นั้นแล้วมอบถวายแก่พระชินเจ้า
(พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระตรัสว่า) “บุคคลผู้ที่ได้ถวายดอกปทุมชั้นดีเยี่ยม ที่น่าปรารถนา น่าใคร่นี้แก่เรา ชื่อว่าทำสิ่งที่ทำได้ยาก เราจักพยากรณ์ผู้ที่ได้ใช้ดอกไม้บูชาและได้ถวายข้าวสุกชั้นดีแก่เรา
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด บุคคลผู้นั้นจักครองเทวสมบัติ ๑๘ ชาติ ดอกอุบลดอกปทุมและดอกมะลิซ้อนจะมีในเบื้องบนผู้นั้น ด้วยผลบุญของเขา ผู้คนจักสร้างหลังคาประกอบด้วยของหอมที่เป็นทิพย์กั้นไว้ในอากาศ ในเวลานั้น
เขาจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ชาติ จักเป็นพระเจ้าแผ่นดินครองแผ่นดิน ๕๐๐ ชาติ
ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป) พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
เขายินดียิ่งในกรรมของตน ถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว จักเกิดเป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระญาติที่ก่อให้เกิดความเพลิดเพลินแก่พวกเจ้าศากยะ และภายหลังเขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วบวช กำหนดรู้อาสวะทั้งปวง จักเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
พระโคดมผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก จักทรงตั้งเขา ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้วไม่มีอาสวะไว้ในเอตทัคคะ
เขามีจิตเด็ดเดี่ยวเพื่อบำเพ็ญเพียร เป็นผู้สงบระงับ ไม่มีอุปธิ มีนามว่าอุทายี ตามโคตร จักเป็นสาวกของพระศาสดา”
ราคะ โทสะ โมหะ มานะ และมักขะอันข้าพเจ้ากำจัดได้แล้ว ข้าพเจ้ากำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ ข้าพเจ้ามีความเพียร มีปัญญารักษาตน ทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพอพระทัยแล้ว และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงยินดี ได้ทรงตั้งข้าพเจ้าไว้ในตำแหน่งอันเลิศ
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล.
เพราะฉะนั้น จบขันข้าวใส่บาตรครั้งใด จงทำจิตให้ผ่องใส ทำใจให้บริสุทธิ์ให้ขาวสะอาดดังดอกบัว แล้วยกขึ้นเหนือหัว ถวายแด่พระพุทธ ถวายแด่พระธรรม ถวายแด่พระสงฆ์ ตั้งจิตจำนง ตรงต่อพระนิพพานเทอญ ฯ
สาระธรรมจากกาฬุทายีเถราปทาน
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
30/9/64
0 comments: