วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564

“ข้าวขาวดังดอกบัว เป็นคำจบขันข้าวใส่บาตร”

“ข้าวขาวดังดอกบัว เป็นคำจบขันข้าวใส่บาตร”

อิทัง    ทานัง    สีละวันตานัง    ภิกขูนัง    นิยยาเทมิ    สุทินนัง    วะตะเม    ทานัง    อาสะวักขะยาวะหัง    นิพพานะปัจจะโย    โหตุ  ฯ

(ข้าวของข้าพเจ้า ขาวดังดอกบัว ยกขึ้นเหนือหัว ถวายแด่พระพุทธ ถวายแด่พระธรรม ถวายแด่พระสงฆ์ ตั้งจิตจำนง ตรงต่อพระนิพพานเทอญ)

พระกาฬุทายีเถระ เป็นพระภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้าชาวแคว้นสักกะ เป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (เกิดในเวลาเดียวกัน) เป็นหนึ่งในพระอสีติมหาสาวกสำคัญในสมัยพุทธกาล

พระกาฬุทายีเถระ เดิมเป็นมหาดเล็กในพระองค์ของพระเจ้าสุทโธทนศากยราช ถูกส่งไปทูลเชิญพระบรมศาสดาให้เสด็จกลับกบิลพัสดุ์ แต่ได้ฟังธรรมแล้วออกบวชในพระพุทธศาสนา เมื่อได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้นำสำคัญที่ทำให้เหล่าชาวเมืองกบิลพัสดุ์เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงยกย่องท่านว่าเป็นเอตทัคคะคือพระสงฆ์ผู้เลิศกว่าภิกษุองค์อื่น ในด้านเป็นผู้ยังสกุลที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส บุพกรรมของท่านนั้นได้เคยถวายข้าวสุกชั้นดีขาวดังดอกบัวแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมตตระ

พระกาฬุทายีเถระได้ประกาศประวัติในอดีตชาติของตนไว้ว่า

เมื่อพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่ เสด็จดำเนินทางไกลเที่ยวจาริกไปในครั้งนั้น

ข้าพเจ้าได้ถือดอกปทุมดอกอุบลและดอกมะลิซ้อนที่บานสะพรั่ง และถือข้าวสุกชั้นดีมาถวายพระศาสดา

อนึ่ง ในเมื่อพระมหาวีระเสวยข้าวสุกชั้นดีและโภชนะอย่างดีแล้ว (ข้าพเจ้านามว่ากาฬุทายี) รับดอกไม้นั้นแล้วมอบถวายแก่พระชินเจ้า

(พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระตรัสว่า) “บุคคลผู้ที่ได้ถวายดอกปทุมชั้นดีเยี่ยม ที่น่าปรารถนา น่าใคร่นี้แก่เรา ชื่อว่าทำสิ่งที่ทำได้ยาก เราจักพยากรณ์ผู้ที่ได้ใช้ดอกไม้บูชาและได้ถวายข้าวสุกชั้นดีแก่เรา

ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด บุคคลผู้นั้นจักครองเทวสมบัติ ๑๘ ชาติ ดอกอุบลดอกปทุมและดอกมะลิซ้อนจะมีในเบื้องบนผู้นั้น ด้วยผลบุญของเขา ผู้คนจักสร้างหลังคาประกอบด้วยของหอมที่เป็นทิพย์กั้นไว้ในอากาศ ในเวลานั้น

เขาจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ชาติ จักเป็นพระเจ้าแผ่นดินครองแผ่นดิน ๕๐๐ ชาติ

ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป) พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก

เขายินดียิ่งในกรรมของตน ถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว จักเกิดเป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระญาติที่ก่อให้เกิดความเพลิดเพลินแก่พวกเจ้าศากยะ และภายหลังเขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วบวช กำหนดรู้อาสวะทั้งปวง จักเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน

พระโคดมผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก จักทรงตั้งเขา ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้วไม่มีอาสวะไว้ในเอตทัคคะ

เขามีจิตเด็ดเดี่ยวเพื่อบำเพ็ญเพียร เป็นผู้สงบระงับ ไม่มีอุปธิ มีนามว่าอุทายี ตามโคตร จักเป็นสาวกของพระศาสดา

ราคะ โทสะ โมหะ มานะ และมักขะอันข้าพเจ้ากำจัดได้แล้ว ข้าพเจ้ากำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ ข้าพเจ้ามีความเพียร มีปัญญารักษาตน ทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพอพระทัยแล้ว และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงยินดี ได้ทรงตั้งข้าพเจ้าไว้ในตำแหน่งอันเลิศ

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล.

เพราะฉะนั้น จบขันข้าวใส่บาตรครั้งใด จงทำจิตให้ผ่องใส ทำใจให้บริสุทธิ์ให้ขาวสะอาดดังดอกบัว แล้วยกขึ้นเหนือหัว ถวายแด่พระพุทธ ถวายแด่พระธรรม ถวายแด่พระสงฆ์ ตั้งจิตจำนง ตรงต่อพระนิพพานเทอญ

สาระธรรมจากกาฬุทายีเถราปทาน

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)

30/9/64







Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: