วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

จงมีธรรมและตนเองเป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย

จงมีธรรมและตนเองเป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย

[ณ หมู่บ้านเวฬุคาม กรุงเวสาลี เมื่อพระพุทธเจ้าเข้าสู่พรรษาที่ 45 ได้เกิดอาพาธหนัก เจ็บปวดจนแทบจะสิ้นชีวิต แต่ว่ากันว่าพระพุทธเจ้าท่านมีสติสัมปชัญญะ อดทนต่อความรู้สึกที่แรงกล้านั้น ไม่กระวนกระวาย จนอาการสงบไปและสามารถดำรงสังขารอยู่ หลังจากนั้นพระอานนท์ได้พูดกับพระพุทธเจ้าว่า]

อ:  ช่วงที่ท่านอาพาธหนักอยู่ ข้าพระองค์รู้สึกไร้ทิศทาง ไร้ที่พึ่ง ร่างกายดูหนักอึ้ง แต่ก็ยังเบาใจอยู่อย่าง ว่าตราบเท่าที่ท่านยังไม่ได้สั่งอะไรกับเหล่าภิกษุสงฆ์ ท่านก็คงจะยังไม่ปรินิพพาน

พ:  อานนท์ เหล่าภิกษุสงฆ์มีอะไรจะคาดหวังจากตถาคตอีกเล่า ธรรมต่างๆก็ได้แสดงไปหมดแล้วไม่มีปิดบัง อีกทั้งตถาคตก็ไม่คิดจะบริหารภิกษุสงฆ์ หรือต้องการให้ภิกษุสงฆ์ยกย่องตถาคต ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรจะต้องสั่งภิกษุสงฆ์

อานนท์ ในเวลานี้ เราตถาคตแก่เฒ่าแล้ว อายุก็เข้า 80 ปีแล้ว เกวียนคร่ำคร่าเคลื่อนไปได้ด้วยการดามไม้ไผ่ฉันใด ร่างกายของตถาคตก็ดำเนินไปได้เหมือนดามด้วยไม้ไผ่ฉันนั้น
เมื่อใดที่ตถาคตมีจิตเป็นสมาธิ ไม่มีภาพหรืออารมณ์ใดๆที่จิตเข้าไปจับ (นิมิต) เมื่อนั้นตถาคตมีความสุขสงบยิ่ง

เพราะเหตุนี้ เธอทั้งหลายจงมีตนและธรรมเป็นเกาะ มีตนและธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย
การมีตนและธรรมเป็นที่พึ่งคือ มีสติสัมปชัญญะในกาย เวทนา จิต และธรรม ทั้งในเวลานี้และในเวลาที่ตถาคตล่วงลับไปแล้ว

_________

ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 13 (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค ภาค 2 เล่ม 1 มหาปรินิพพานสูตรที่ 3 พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระประชวร/ ทรงแสดงเรื่องมีตนเป็นเกาะมีตนเป็นที่พึ่ง), 2559, น.263-265

ไม่ฉันเนื้อใน 3 กรณี ,  เหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืม,  พระพุทธเจ้ารับการรักษาและรับจีวรจากหมอชีวกโกมารภัจจ์,  ตถาคตเลิกให้พรแล้วคุณ 5 ข้อของการนอนแบบมีสติรู้ตัว,  แก้ปัญหาภิกษุโกสัมพีทะเลาะกัน (ตอนที่ 1),  (ตอนที่ 2),  (ตอนที่ 3),  (ตอนที่ 4),   (ตอนที่ 5),  (ตอนจบ),  "คว่ำบาตร" มีที่มาอย่างไร,  เรื่องไม้ชำระฟัน , วันมาฆบูชา , โอวาทปาติโมกข์ ,  แว่นธรรม-แว่นมองอนาคตตัวเอง,  ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว , วิหารทาน เป็นทานอันเลิศ ที่พระบรมศาสดาทรงสรรเสริญ , แผ่เมตตาแก่ช้างนาฬาคิรี





Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: