เมื่อปฏิบัติผิดไปจากพระไตรปิฎก ความวิบัติ ๓ ประเภทย่อมเกิดขึ้นได้
๑. ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระวินัย เป็นผู้มีความสำคัญว่าไม่มีโทษในผัสสะที่มีใจครองเป็นต้น (กายหญิง) อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามแล้ว โดยความเสมอด้วยสัมผัสมีเครื่องลาดและเครื่องนุ่งห่มอันมีสัมผัสเป็นสุขเป็นต้นที่ทรงอนุญาตแล้ว เหมือนคำที่พระอริฏฐะกล่าวว่า “เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงแล้ว โดยประการที่ธรรมทั้งหลายอันกระทำอันตรายที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วนี้ ไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้เสพอยู่ได้” ดังนี้ (กล่าวหาว่ากามที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามเสพนั้นไม่มีโทษ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้) (และ) ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นผู้ทุศีล
๒. ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระสูตร ไม่รู้คำอธิบาย เหมือนในประโยคมีอาทิว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีอยู่ มีปรากฏอยู่ในโลก” ดังนี้ ย่อมถือเอาผิด ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาตรัสไว้ว่า “บุคคลมีอัตตาอันถือเอาผิด ย่อมกล่าวตู่เราด้วย ย่อมขุด (ทำลาย) ซึ่งตนด้วย และย่อมประสบสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย” ดังนี้ (และ) ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นมิจฉาทิฏฐิ
๓. ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระอภิธรรม จะวิจารธรรมเกินไป ย่อมคิดแม้สิ่งที่ไม่ควรคิด (อจินไตย) สมกับพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ เหล่านี้ บุคคลไม่ควรคิด ซึ่งเมื่อคิดอยู่ ก็พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้าและความคับแค้น” ดังนี้ (และ) ต่อจากนั้น เธอก็จะถึงความฟุ้งซ่านแห่งจิต
(เพราะฉะนั้น) ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระไตรปิฎกนี้ ย่อมถึงความวิบัติอันต่างด้วยความเป็นผู้ทุศีล ๑ ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ ๑ และความฟุ้งซ่านแห่งจิต ๑ โดยลำดับด้วยประการฉะนี้.
สาระธรรมจากอรรถกถาธรรมสังคณีปกรณ์ (ว่าด้วยวิบัติ ๓ ประเภท)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
8/11/64
วัดโฆ๊ะผะโด๊ะ ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
0 comments: