"ขอประทานโทษเถอะครับ อย่าให้ผมหมดความนับถือเลย" -พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ
"ถ้าผมจะลาสิกขา คือผมลาด้วยตัวผมเองครับ และทุกเรื่องที่ผมพูด ผมพูดเพราะมันคือความสัตย์ คือสิ่งที่ควรพูด ควรทวงถาม ไม่เกี่ยวกับว่า ผมกำลังสำคัญตัวอะไร
ผมไม่ใช่พวกเล่นละครเก่งนะครับ เวลาโทรมาคุย คุยอีกแบบหนึ่ง เวลาอยู่หน้าสื่อ พูดอีกแบบหนึ่ง พูดแบบนางเอกละครหลังข่าว พูดแบบไม่ต้องใช้ความกล้าหาญอะไร ใครก็พูดได้ครับ ผมก็พูดได้ ถ้าจะพูด
ผมว่าอาจารย์ดูหนังจีนเยอะไปนะครับ พูดเรื่องศึกสงคราม เรื่องการต่อรองอะไรเนี่ย ความยุติธรรม ความเป็นธรรม เป็นเรื่องของการต้องต่อรองตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
อาจารย์กำลังทำให้คณะสงฆ์ดูแย่ไปอีกนะครับ จะโดยรู้ตัวหรือไม่ พูดเหมือนคณะสงฆ์ไม่ต่างจากเกมส์การเมืองของพวกฆราวาสเลย
ผมรักการพระศาสนา รักคณะสงฆ์ และลึกๆ ก็เคารพนับถือพระผู้ใหญ่ (เหมือนที่ผมเคยเคารพนับถืออาจารย์นั่นแหล่ะครับ) ผมจึงพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะของกัลยาณมิตร ของคนรุ่นใหม่ ของลูกของหลาน
ผมเจียมตัวเสมอครับ และพูดคิดอะไร คือไตร่ตรองดีแล้ว หลายครั้งหลายหนเหลือเกินที่ผมเลือกจะไม่โต้อาจารย์เพราะยังเห็นแก่ความเคารพนับถือ ครั้งก่อนก็เรื่องความไม่ก้าวหน้า ไม่มีอนาคต ทำไมอาจารย์ถึงมองว่า อนาคตของอาจารย์กับอนาคตของผม คืออนาคตเดียวกันละครับ ผมเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงแบบที่อาจารย์คิดตอนไหน
ขอประทานโทษเถอะครับ อย่าให้ผมหมดความนับถือเลย"
ที่มา : พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ
0 comments: