คติของพระโพธิสัตว์
ในตอนก่อน ได้เขียนถึงองค์ประกอบของผู้ที่จะได้เป็นพระโพธิสัตว์
ตอนนี้เป็นเรื่องสืบเนื่อง คือเป็นการบรรยายความว่าเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์แล้วเป็นอย่างไรต่อไป
ทบทวน+ซักซ้อมความเข้าใจกันนิดหนึ่ง
ตอนก่อน-ตำราดูพระโพธิสัตว์ เท่ากับถามว่า จะเป็นพระโพธิสัตว์ต้องทำอย่างไร ตอนนี้-คติของพระโพธิสัตว์ เท่ากับถามว่า เป็นพระโพธิสัตว์แล้วทำอย่างไรต่อไป ตอนก่อนเป็นการกล่าวถึงผู้ที่ปรารถนาจะเป็นพระโพธิสัตว์ว่าจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ขอย้ำว่า-เวลานั้นยังไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์ ยังเป็นคนธรรมดาทั่วไปอยู่
คุณสมบัติข้อหนึ่งในจำนวน ๘ ข้อ บอกว่า ต้องเป็นมนุษย์จึงจะตั้งความปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ได้ มีญาติมิตรท่านหนึ่งแย้งว่า พระโพธิสัตว์เป็นสัตว์เดรัจฉานก็มี เช่นเป็นช้าง เป็นกระต่าย เป็นนกคุ่มเป็นต้น
ขอเรียนว่า ที่เป็นสัตว์เดรัจฉาน เช่นเป็นช้าง เป็นกระต่าย เป็นนกคุ่มเป็นต้นนั้น เป็นหลังจากชาติที่ตั้งความปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์สำเร็จแล้ว
พูดสั้นๆ เป็นพระโพธิสัตว์แล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานได้ แต่สัตว์เดรัจฉานจะตั้งความปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ไม่ได้ คุณสมบัติข้อหนึ่งบอกว่า ต้องเป็นชายจึงจะตั้งความปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ได้ ญาติมิตรท่านหนึ่งสงสัยว่า เจ้าแม่กวนอิมเป็นหญิงทำไมเป็นพระโพธิสัตว์ได้
คำตอบคือ เจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์หรือถูกยกให้เป็นโพธิสัตว์ตามคติความเชื่อของผู้ที่นับถือนิกายหนึ่ง ไม่ใช่เถรวาท
แต่ตามเรื่องเจ้าแม่กวนอิมที่ว่ากันนั้น เดิมท่านเป็นชาย แต่เพราะต้องไปทำกิจในราชสำนักฝ่ายในซึ่งมีแต่หญิง จึงต้องจำแลงเป็นหญิง อันนี้ว่าตามที่ฟังมา แต่ก็คงได้ความว่า ผู้ที่เรียกกันว่ากวนอิมนั้นจะเป็นหญิงหรือเป็นชายก็ตาม ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ (ตามที่เชื่อกัน) อยู่แล้ว จึงเป็นคนละประเด็นหรือคนละขั้นตอนกับคุณสมบัติของผู้ตั้งความปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์
พูดสั้นๆ เป็นหญิงจะตั้งความปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ไม่สำเร็จ
แต่เมื่อเป็นพระโพธิสัตว์แล้ว อาจไปเกิดเป็นหญิงหรือเป็นอะไรอีกบ้าง ก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง (ซึ่งก็พอดีกับเป็นเรื่องที่กำลังจะว่ากันในตอนนี้)
ได้บอกแล้วว่า คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ที่ผมนำมาแสดงนี้เป็นมติของพระพุทธศาสนาเถรวาท เวลาศึกษาจึงต้องจับหลักให้ดี ระวังอย่าเอาไปปนกับมติของนิกายอื่น หรือเอามติของนิกายอื่นมาปน
ของใครของมัน ศึกษาดูเรียนรู้ให้ชัด
นับถือเลื่อมใสแบบไหน ใช้เหตุผลให้ดี
ข้อสำคัญ ต้องแยกให้ชัดเจน
อะไรเป็นหลักที่ท่านแสดงไว้ในคัมภีร์
อะไรเป็นความเชื่อความเห็นของเรา
เรามีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อไม่เห็นด้วยกับคัมภีร์
แต่อย่าเพิ่งรีบบอกว่า ที่คัมภีร์ว่าไว้อย่างนั้นๆ น่ะผิด
ต้องที่ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้เห็นอย่างนี้จึงจะถูก
คัมภีร์ แยกไว้ส่วนหนึ่ง ต้องคงไว้ เพราะเป็นหลักการหรือหลักฐาน ความเห็นของเรา แยกเป็นอีกส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการศึกษาคัมภีร์ ถ้าแยกกันให้ชัดอย่างนี้ คัมภีร์ก็ยังอยู่ ใครใคร่ศึกษาก็มาศึกษาได้เสมอ ศึกษาแล้วได้ผลเป็นอย่างไรก็มีสิทธิ์ประกาศแสดงออกมาได้
คนอื่นๆ หรือคนในภายหลัง จะเชื่อคัมภีร์ หรือจะเชื่อผลการศึกษาของเราหรือของใคร ก็มีสิทธิ์เลือกเชื่อเอาได้ตามปรารถนา
กระบวนการศึกษาควรดำเนินไปด้วยอาการดังกล่าวนี้
ที่มีปัญหายุ่งอยู่ทุกวันนี้มักเกิดจากการไม่ศึกษาหลักการหลักฐานจากคัมภีร์
เอาความคิดความเห็นความเชื่อของตนนำหน้า หลักการหลักฐานจากคัมภีร์จะว่าไว้อย่างไร ไม่รับรู้ แต่ยืนยันว่าความคิดความเห็นความเชื่อของข้าพเจ้านี่แหละถูกต้อง
ต่อไปนี้เป็นหลักการที่ท่านแสดงไว้ในคัมภีร์ว่า เมื่อเป็นพระโพธิสัตว์แล้วทำอย่างไรหรือเป็นอย่างไรต่อไป
คัมภีร์มธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาของคัมภีร์พุทธวงส์ ตอนโคตมพุทฺธวังสวัณณนา บรรยายถึงผู้ที่เข้าถึงฐานะเป็นพระโพธิสัตว์แล้วมีคติเป็นอย่างไรไว้ดังนี้ -
(เมื่ออ่านคำบาลี ให้ตั้งอารมณ์ว่า-เหมือนท่านกำลังสวดมนต์)
เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา โพธิยา นิยตา นรา
สํสรํ ทีฆมทฺธานํ กปฺปโกฏิสเตหิปิ ฯ
นรชนผู้จะได้ตรัสรู้อย่างแน่แท้ ถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบครบถ้วนอย่างนี้
แม้เวียนตายเวียนเกิดตลอดกาลยาวนาน นับร้อยโกฏิกัป
อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ ตถา โลกนฺตเรสุ จ
นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา น โหนฺติ กาฬกญฺจิกา ฯ
ก็ไม่เกิดในอเวจี และในโลกันตริกนรก
ไม่เกิดเป็นนิชฌามตัณหิกเปรต ขุปปิปาสิกเปรต กาฬกัญชิกาสูร*
น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา อุปปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ
ชายมานา มนุสฺเสสุ ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต ฯ
แม้เข้าถึงทุคติ ก็ไม่เป็นสัตว์ขนาดเล็ก
เมื่อเกิดในหมู่มนุษย์ ก็ไม่เป็นคนบอดแต่กำเนิด
โสตเวกลฺลตา นตฺถิ น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา
อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ อุภโตพฺยญฺชนปณฺฑกา ฯ
โสตประสามไม่วิกลวิการบกพร่อง ไม่เป็นคนประเภทใบ้บ้า
ไม่เป็นสตรี ไม่เป็นคนสองเพศและไม่เป็นบัณเฑาะก์
น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา โพธิยา นิยตา นรา
มุตฺตา อานนฺตริเกหิ สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา ฯ
นรชนผู้จะได้ตรัสรู้อย่างแน่แท้ ไม่เป็นผู้นับเนื่องอยู่ในจำพวกดังกล่าว
พ้นจากอนันตริยกรรม ดำรงชีพอยู่อย่างบริสุทธิ์ในภพทั้งปวง
มิจฺฉาทิฏฺฐึ น เสวนฺติ กมฺมกิริยทสฺสนา
วสมานาปิ สคฺเคสุ อสญฺญํ นูปปชฺชเร ฯ
ไม่คบคุ้นในทางมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นว่าทำกรรมเป็นอันมีผล
แม้เกิดอยู่ในภพภูมิสวรรค์ ก็ไม่เป็นอสัญญีสัตตะ (มีร่าง แต่ไม่มีสัญญา-ความจำได้หมายรู้)
สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ เหตุ นาม น วิชฺชติ
เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา วิสํยุตฺตา ภวาภเว
จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย ปูเรนฺติ สพฺพปารมีติ ฯ
ไม่มีเหตุที่จะไปเกิดในเทพชั้นสุทธาวาส* เป็นสัตบุรุษผู้น้อมไปในเนกขัมมะ
ไม่ติดข้องในภพน้อยใหญ่ ประพฤติแต่ประโยชน์เกื้อกูลต่อโลก
บำเพ็ญบารมีทั้งปวงไว้พร้อมบริบูรณ์ ดังนี้
*เนื่องจากเทพชั้นสุทธาวาสไม่มาเกิดเป็นมนุษย์อีก แต่พระโพธิสัตว์ต้องมาเกิดและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในโลกมนุษย์-นี่คือการแสดงเหตุผลที่สอดคล้องกับหลักการ
ที่มา: มธุรัตถวิลาสินี หน้า ๔๘๖
*นิชฌามตัณหิกเปรต เปรตจำพวกหนึ่ง ถูกความอยากแผดเผาอยู่ตลอดเวลา
*ขุปปิปาสิกเปรต เปรตจำพวกหนึ่ง มีความหิวกระหายอยู่ตลอดเวลา
*กาฬกัญชิกาสูร อสูรพวกหนึ่งเป็นชั้นต่ำสุดในพวกอสูร ร่างกายสูงประมาณ ๖๐ ถึง ๘๐ ศอก มีแต่หนังหุ้มกระดูก
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย, ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔, ๑๗:๓๗
ตำราดูพระโพธิสัตว์ , คติของพระโพธิสัตว์
0 comments: