การแบ่งพระสารีริกธาตุ (อัฐิของพระพุทธเจ้า)
[ณ กรุงกุสินารา หลังจากที่ข่าวพระพุทธเจ้าปรินิพพานได้แพร่กระจายออกไปนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูแห่งแคว้นมคธ เหล่ากษัตริย์ลิจฉวีเมืองเวสาลี เหล่ากษัตริย์ถูลีเมืองอัลลกัปปะ เหล่ากษัตริย์โกลิยะเมืองรามคาม เหล่ากษัตริย์มัลละเมืองปาวา ต่างก็คิดว่าพระพุทธเจ้านั้นเป็นกษัตริย์ เราก็เป็นกษัตริย์ เราจึงควรได้ส่วนของพระสารีริกธาตุบ้าง จะได้ทำสถูปเก็บไว้บูชา ในขณะที่เหล่ากษัตริย์ศากยะเมืองกบิลพัสดุ์ ซึ่งคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นญาติของเรา และพราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปะ ซึ่งคิดว่าตัวเองเป็นพราหมณ์ ต่างก็ต้องการได้ส่วนของพระสารีริกธาตุและจะทำสถูปเก็บไว้บูชาเช่นเดียวกัน
ทั้งหมดจึงส่งทูตมาหาพวกกษัตริย์มัลละเมืองกุสินาราเพื่อแจ้งความต้องการนั้น แต่พวกกษัตริย์มัลละเมืองกุสินาราได้ตอบไปว่า]
ม: พระพุทธเจ้าปรินิพพานในเขตเมืองของพวกเรา พวกเราจะไม่ให้ส่วนของพระสารีริกธาตุแก่พวกท่าน
[โทณพราหมณ์ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวกับทุกคนว่า]
ท: ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ขอพวกท่านจงฟังคำของข้าพเจ้า
พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายเป็นผู้สั่งสอนให้มีขันติ (ความอดทนอดกลั้น)
การประหัตประหารกันเพื่อแย่งพระสารีริกธาตุเช่นนี้ไม่ดีเลย
ขอเราทุกคนจงยินยอมพร้อมใจกันแบ่งพระสารีริกธาตุนี้ออกเป็น 8 ส่วนเถิด
ขอพระสถูปจงแพร่หลายไปในทิศต่างๆ เพราะชนผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้านั้นมีอยู่มาก
[หลังจากฟังแล้วทุกคนในที่นั้นก็เห็นด้วยและขอให้โทณพราหมณ์เป็นผู้ออกเป็น 8 ส่วนเท่าๆกัน จากนั้นโทณพราหมณ์ได้กล่าวกับคณะทูตว่า]
ท: ขอพวกท่านจงให้ทะนาน (ภาชนะที่ใส่อัฐิ) นี้แก่ข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจะทำสถูปไว้บูชาบ้าง
[หลังจากที่คณะทูตได้ให้ทะนานแก่โทณพราหมณ์แล้ว ได้มีทูตจากพวกกษัตริย์โมริยะเมืองปิปผลิวันมาขอส่วนของพระสารีริกธาตุเช่นกัน พวกกษัตริย์มัลละเมืองกุสินาราจึงกล่าวว่า]
ม: ส่วนของพระสารีริกธาตุนั้นไม่มีแล้ว เราได้แบ่งกันไปหมดแล้ว ท่านจงนำพระอังคาร (เถ้าถ่าน) ไปเถิด
[ในกาลนั้น จึงมีพระสถูปบรรจุพระสารีริกธาตุอยู่ 8 แห่ง ซึ่งถ้ารวมพระสถูปบรรจุทะนานก็จะเป็น 9 แห่ง และหากรวมพระสถูปบรรจุพระอังคารด้วย ก็จะเป็นทั้งหมด 10 แห่งด้วยประการฉะนี้]
_____
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 13 (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค ภาค 2 เล่ม 1 มหาปรินิพพานสูตรที่ 3 แจ้งข่าวปรินิพพาน-มัลลปาโมกข์ 8-เรื่องพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นต้น-เรื่องโทณพราหมณ์-การแบ่งพระสารีริกธาตุ), 2559, น.324-327
จงมีธรรมและตนเองเป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย , พระพุทธเจ้าปลงสังขาร , ปัจฉิมโอวาท , ธรรมที่พระพุทธเจ้าย้ำก่อนปรินิพพาน , เมื่อได้ยินอะไรมาให้ตรวจสอบเทียบเคียงกับพระสูตรและพระวินัย , อาหารมื้อสุดท้ายของพระพุทธเจ้า, คืนสุดท้ายของพระพุทธเจ้า , บิณฑบาตที่มีอานิสงส์ใหญ่ 2 คราว , ใครที่ได้มาสังเวชนียสถานด้วยจิตเลื่อมใส เมื่อตายไปจะเข้าถึงสุคติ , วิธีปฏิบัติต่อสตรีและพระพุทธสรีระ , สอนพระอานนท์เป็นครั้งสุดท้าย , ชื่นชมพระอานนท์ , ควรเปิดใจรับฟังคำว่ากล่าวตักเตือนได้ , ยังไม่มีผู้ที่สงบจากบาปกิเลสได้ด้วยหลักคำสอนอื่นนอกพุทธศาสนานี้ , ธรรมสังเวช , คำพูดสุดท้ายของพระพุทธเจ้า , ลมหายใจเข้าออกของพระพุทธเจ้าผู้สงบตั้งมั่น ไม่มีแล้ว , ช่วงเวลาถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า
0 comments: