กระหายต่อความสุข ก็เป็นทุกข์ ได้สุขมาแล้วหลงสุข ก็เป็นทุกข์
ดูที่ความทุกข์ ความทุกข์เกิดมาจากความกระหายต่อความสุข ความกระหายต่อความสุขมันก็เป็นทุกข์แล้ว ครั้นได้ความสุขมาแล้วก็หลงใหล หลงใหลมัวเมาอยู่ในความสุข ยึดมั่นในความสุขโดยความเป็นของกู นี้เรียกว่ามันเป็นความสุขชนิดที่มาทำให้เกิดความทุกข์ สำหรับคนธรรมดาสามัญ หรือชาวโลกปุถุชนทั่วๆ ไป ได้ความสุขมาสำหรับจะหลงใหลให้เกิดความทุกข์ นอนไม่หลับหรือนอนหลับยาก กระวนกระวายอยู่ด้วยเรื่องของความสุข รักษาความสุข มันจึงมีความหนัก คือ หนักอกหนักใจในการแบก แบกความสุขและแบกทั้งความทุกข์ มันมีการแบกทั้งสุขและทั้งทุกข์ ชื่อว่าการแบกแล้ว ก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น มันเป็นการแบกของหนัก ทั้งในแง่ของความสุข และแง่ของความทุกข์
ความทุกข์ นี้มันเป็นของหนัก ที่มันขบกัดหรือมันสาปแช่ง มันด่าทออยู่ตลอดเวลา ความทุกข์มันเป็นของหนักที่สาปแช่ง แต่ความสุขมันเป็นของหนักที่มีดนตรีอันไพเราะขับกล่อม
ท่านลองคำนวณในเรื่องนี้ดูให้ดีว่า ความทุกข์นี้มันเป็นของหนักๆๆ แต่มันขบกัดและสาปแช่ง ความสุขนี้มันก็เป็นของหนักๆๆ แต่มันมีดนตรีที่ไพเราะขับกล่อม หรือหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา คนจึงแบกเอาไว้ ทั้งของหนักที่เป็นการสาปแช่ง และของหนักที่เป็นดนตรีอันไพเราะอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อจะพ้นเสียจากทุกข์และสุข จึงต้องวาง มันจึงจะเป็นสุขที่แท้จริง พ้นเสียจากทั้งทุกข์และทั้งสุข จึงจะเป็นสุขที่แท้จริง นี่เป็นหัวข้อสำคัญที่จะต้องระวัง สังวร สังเกต ศึกษา แจ่มแจ้งประจักษ์แก่ใจ
เทคนิคของการมีธรรมะ เล่ม ๒ , ปรมัตถธรรมกลับมา (น.๔๗๐) , ธรรมโฆษณ์ l พุทธทาสภิกขุ
Credit: สโมสรธรรมทาน - co dhamma space
ภาพ : "วัดป่าภูก้อน" จ.อุดรธานี
นมัสการ “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาวจากประเทศอิตาลี นอกจากนี้ ยังมี “องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” เจดีย์ชั้นบนยอดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
0 comments: