สนทนากันด้วยถ้อยคำที่ให้เกิดเป็นมงคลเถิด
หากสนทนากันด้วยถ้อยคําหรือคํากล่าวในเรื่องพระวินัย ก็ควรกล่าวเพื่อให้เกิดความระวัง ความเหนี่ยวรั้ง และความป้องกันการประพฤติผิดเถิด
หากสนทนากันด้วยถ้อยคําหรือคํากล่าวในเรื่องพระสูตร ก็ควรกล่าวเพื่อให้ผ่อนคลายทิฐิคือความเห็นผิด ตามความเหมาะสมแก่จริตอัธยาศัยของผู้ฟังเถิด
หากสนทนากันด้วยถ้อยคําหรือคํากล่าวในเรื่องพระอภิธรรม ก็ควรกล่าวเพื่อให้เกิดการกำหนดรู้นามและรูป อันเป็นปฏิปักษ์ต่ออกุศลธรรมมีราคะเป็นต้นเถิด
สาระธรรมจากอรรถกถาธรรมสังคณีปกรณ์ (ว่าโดยกถา)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
ระฆังเขาตีเพื่อ...
๑. ป้องภัย ๒. เร่งเพียร ๓. เรียนรู้ ๔. อยู่กับปัจจุบันขณะ
ป้องภัย คือ ในโบราณกาลยามมีศึกมีภัยเกิดขึ้น เขาตีกล้องตีระฆังเพื่อเตือนกันและกัน มารวมตัวสามัคคีช่วยกันป้องกันภัย
เร่งเพียร คือ เหล่าภิกษุหรือนักบวชผู้เร่งทำความเพียรต่างคนต่างหลีกไปเร้นอยู่ในป่าหรือที่อันเงียบสงัดเพื่อบำเพ็ญเพียรทางจิต เมื่อจะประชุมกันฟังธรรมหรือเมื่อมีผู้เจ็บไข้จึงตีระฆังมารวมตัวกันทำกิจวัตร
เรียนรู้ คือ การให้สัญญานเครื่องหมายให้ได้ยิน แม้จะอยู่ในระยะไกล เพื่อให้ทราบ ระวัง หรือกระทำตาม สมัยก่อนโรงเรียนตีระฆังให้เด็กๆเข้าเรียน นี่คือการเรียนรู้
อยู่กับปัจจุบันขณะ คือ การบำเพ็ญเพียรทางจิตต้องมีการยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ (วิตก) อุปมาเหมือนเสียงเคาะระฆังครั้งแรก. มีการตรองดูจิต (วิจาร) อุปมาเหมือนเสียงครวญแห่งระฆัง ฉะนั้นเขาตีระฆังให้เรามีจิตอยู่กับปัจจุบันขณะไม่ประมาท อยู่กับลมหายใจ อยู่กับความเป็นจริง มองทุกสิ่งอย่างรอบด้าน จะเห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของทุกสรรพสิ่งและแม้แต่ตัวเราเอง.
0 comments: