จนฺทาภชาตกํ - ว่าด้วยผู้เข้าถึงอาภัสสรพรหม
"จนฺทาภํ สูริยาภญฺจ, โยธ ปญฺญาย คาธติ, อวิตกฺเกน ฌาเนน, โหติ อาภสฺสรูปโคติ ฯ ในโลกนี้ ผู้ใดหยั่งลงสู่แสงจันทร์และแสงอาทิตย์ด้วยปัญญา ผู้นั้นย่อมเข้าถึงอาภัสสรพรหมโลก ด้วยฌานอันไม่มีวิตก."
อรรถกถาจันทาภชาดกที่ ๕
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภการพยากรณ์ปัญหาของพระเถระเจ้านั้นแล ที่ประตูสังกัสนคร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า จนฺทาภํ ดังนี้.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์กำลังจะมรณภาพ ณ ชายป่าถูกพวกอันเตวาสิกซักถามกล่าวว่า จนฺทาภํ สุริยาภํ แสงจันทน์แสงอาทิตย์ ดังนี้แล้ว เกิดในอาภัสสรพรหม. พวกดาบสไม่เชื่ออันเตวาสิกผู้ใหญ่ พระโพธิสัตว์มาสถิตในอากาศ กล่าวคาถานี้ว่า :-
ผู้ใดในโลกนี้หยั่งได้ ด้วยปรีชา ซึ่งแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ ผู้นั้นย่อมเข้าถึง อาภัสรพรหมได้ ด้วยฌานอันหาวิตกมิได้.“
บรรดาบทเหล่านั้นพระโพธิสัตว์แสดงโอทาตกสิณ ด้วยบทว่า จนฺทาภํ แสดงปีตกสิณ ด้วยบทว่า สุริยาภํ. บทว่า โยธ ปญฺญาย คาธติ ความว่า บุคคลใดในสัตว์โลกนี้ หยั่งได้ด้วยปัญญาซึ่งกสิณทั้งสองอย่างนี้ คือการทำให้เป็นอารมณ์ ส่งใจไป หรือตั้งใจไว้ได้ในกสิณทั้งสองอย่างนั้น
อีกบรรยายหนึ่ง บทว่า จนฺทาภํ สุริยาภญฺจ โยธ ปญฺญาย คาธติ ความว่า แสงจันทน์และแสงอาทิตย์แผ่ไปสู่ที่มีประมาณเท่าใดเจริญปฏิภาคกสิณในที่มีประมาณเท่านั้น กระทำปฏิภาคกสิณนั้นให้เป็นอารมณ์ ยังฌานให้เกิดได้ ก็ย่อมชื่อว่าหยั่งลงสู่แสงทั้งสองนั้นได้ด้วยปัญญา เพราะเหตุนั้น ความข้อนี้ก็เป็นการอธิบายความในบทนั้นได้เหมือนกัน บุคคลนั้นย่อมเข้าถึงอาภัสสรพรหมโลกได้ด้วยฌานที่สองที่ตนได้แล้ว เพราะกระทำอย่างนั้น.
พระโพธิสัตว์ให้พวกดาบสรู้แจ้งด้วยประการฉะนี้แล้วกล่าวสรรเสริญคุณของอันเตวาสิกผู้ใหญ่ กลับไปยังพรหมโลกทันที.
พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุม ชาดกว่า อันเตวาสิกผู้ใหญ่ในครั้งนั้นได้มาเป็นสารีบุตร ส่วนท้าวมหาพรหมได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล. จบอรรถกถาจันทรภชาดกที่ ๕
ที่มา : Palipage: Guide to Language - Pali
0 comments: