วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2564

จะเกิดผลดีอะไรกับเราบ้างถ้าเรามีจิตเมตตา

จะเกิดผลดีอะไรกับเราบ้างถ้าเรามีจิตเมตตา

[สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้กล่าวกับเหล่าภิกษุว่า]

พ:  หากฝึกให้จิตมีเมตตามากๆ จะเกิดผลดี 11 ข้อ,   11 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง 11 ข้อนั้น คือ  หลับเป็นสุข  ตื่นเป็นสุข  ไม่ฝันร้าย  เป็นที่รักของคนทั้งหลาย  เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย  เทวดารักษา ไฟ ยาพิษ หรืออาวุธไม่มากล้ำกราย  จิตตั้งมั่นได้เร็ว  สีหน้าผ่องใส ไม่หลงขณะกำลังจะตาย แม้ไม่บรรลุอรหันต์ แต่ก็เข้าถึงภพที่ดีได้ (พรหมโลก)

ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 38 (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต ภาค 5 ทุติยวรรค เมตตาสูตร ข้อ 222), 2559, น.550

เมตตานิสังสะสุตตะปาโฐ

เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเมฯ ตัต๎ระ โข ภะคะวา ภิกขู อามันเตสิ ภิกขะโวติฯ ภะทันเตติ เต ภิกขู ภะคะวะโต ปัจจัสโสสุง ภะคะวา เอตะทะโวจะ

"เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขา ฯ  กะตะเม เอกาทะสะฯ สุขัง สุปะติ สุขัง ปะฏิพุชฌะติ ฯ  นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติฯ  มะนุสสานัง ปิโย โหติ ฯ   อะมะนุสสานัง ปิโย โหติฯ  เทวะตา รักขันติ ฯ นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ ฯ ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ ฯ  มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ ฯ อะสัมมุฬโหกาลัง กะโรติ ฯ  อุตตะริง อัปปะฏิวัชฌันโต พรัหมะโลกูปะโค โหติ ฯ

เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ อิเม เอกาทะสานิสังสาปาฏิกังขาติ ฯ  อิทะมะโวจะ ภะคะวาฯ อัตตะมะนา เตภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุนติ ฯ

คำแปล เมตตานิสังสะสุตตะปาโฐ

อันข้าพเจ้าคือพระอานนท์เถระ, ได้สดับมาแล้วอย่างนี้, สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า, เสด็จประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร, อารามของอนาถะบิณฑิกะคฤหบดีแห่งสาวัตถี, ในการนั้นแล, พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสเรียกพระภิกษุทั้งหลายว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ภิกษุเหล่านั้นทูลรับว่า, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ,  พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคำนี้ว่า :- 

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เมตตาอันเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นแห่งจิตนี้, อันบุคคลบำเพ็ญจนคุ้นแล้ว, ทำให้มากแล้ว, ทำให้มากแล้วคือชำนาญให้ยิ่ง, เป็นที่พึ่งของใจ, ทำให้เป็นที่อยู่ของใจตั้งไว้เป็นนิจ, อันบุคคลสั่งสมอบรมแล้ว บำเพ็ญให้มากแล้ว, ย่อมมีอานิสงส์สิบเอ็ดประการ อย่างนี้,

อานิสงส์ ๑๑ ประการ อะไรบ้าง, ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น ย่อมหลับเป็นสุข, เมื่อตื่นขึ้นก็ย่อมอยู่เป็นสุข, หลับอยู่ก็ไม่ฝันร้าย, เป็นที่รักของเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย, เป็นที่รักของเหล่าอมนุษย์ทั้งหลาย, เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา, ไฟก็ดี ยาพิษก็ดี ศัสตราก็ดี, ย่อมทำอันตรายไม่ได้เลย, จิตย่อมเป็นสมาธิได้รวดเร็วอย่างยิ่ง, ผิวหน้าย่อมผ่องใส, เป็นผู้ไม่ลุ่มหลงเมื่อทำกาลกิริยาตาย, เมื่อยังไม่บรรลุคุณวิเศษ อันยิ่งๆ ขึ้นไป, ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลกแล,

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เมตตาอันเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นแห่งจิตนี้, อันบุคคลบำเพ็ญจนคุ้นแล้ว, ทำให้มากแล้ว, ทำให้มากแล้วคือชำนาญให้ยิ่ง, เป็นที่พึ่งของใจ, ทำให้เป็นที่อยู่ของใจตั้งไว้เป็นนิจ, อันบุคคลสั่งสมอบรมแล้ว, บำเพ็ญให้มากแล้ว, ย่อมมีอานิสงส์ ๑๑ ประการอย่างนี้แล,

พระผู้มีพระภาคเจ้า, ได้ตรัสธรรมปริยายอันนี้แล้ว, พระภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น, ก็มีใจยินดีพอใจในภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์นั้น ด้วยประการฉะนี้แล.


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: