[พระพุทธเจ้ากล่าวกับพระเจ้าพิมพิสาร พระราชาของแคว้นมคธว่า]
..หากเราระลึกถึงบุญคุณที่ใครเคยมีต่อเรา ทำสิ่งที่ดีแก่เรา หรือเป็นญาติมิตรสหายของเรา เราก็ควรทำทานแก่ท่านเหล่านั้นที่ล่วงลับไปแล้ว
การร้องไห้เศร้าโศกเสียใจเป็นสิ่งไม่ควรทำ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับผู้ล่วงลับไป...
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 39 (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ติโรกุฑฑสูตร ข้อ 8 , 2559, น.269
[พระพุทธเจ้ากล่าวกับอุบาสกที่เป็นเศรษฐีว่า]
..คนเราย่อมฝังทรัพย์ไว้ในที่ลึกที่สุดด้วยคิดว่าถ้ามีเรื่องจำเป็น ทรัพย์นี้จะเป็นประโยชน์แก่เรา แต่ทรัพย์เหล่านี้ก็อาจจะถูกเคลื่อนย้ายได้ หายได้ และเมื่อตายไป ทรัพย์ทั้งหมดย่อมสูญไป นี่เป็นขุมทรัพย์ที่ฝังไว้ในโลก
ส่วนทรัพย์ที่ฝังไว้ด้วยทานแก่สงฆ์ บุคคล หรือพ่อแม่พี่น้องก็ดี ฝังไว้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญาเพื่อระงับกิเลสก็ดีนั้น ใครก็เอาไปไม่ได้ แต่เขาเองจะพาขุมทรัพย์คือบุญนั้นติดตัวไปได้...
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 39 (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ นิธิกัณฑสูตร ข้อ 9, 2559, น.293
0 comments: