วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง พ ย า บ า ล ภิ ก ษุ ไ ข ้


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง พ ย า บ า ล ภิ ก ษุ ไ ข ้

สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง อ า พ า ธ ด้ ว ย โ ร ค ท ้อ ง เ สี ย เธอนอ น จ ม ปั  ส  ส  า  วะ  อุ  จ  จ า  ร ะ  ข  อ ง ต น อยู่. ขณะนั้นพระผู้มีพระภาค มีท่านพระอานนท์ตามเสด็จ เที่ยวตรวจเสนาสนะไปยังที่อยู่ของภิกษุนั้น ทอดพระเนตรเห็นเธอนอน จ ม ปั ส ส า วะ  อุ จ จ า ร  ะ ข อ ง ต น อ ยู่  จึงเสด็จเข้าไปหา ตรัสถามว่า "ดูก่อนภิกษุเธอ อ า พ า ธ ด้วย โ ร ค อะไร?" 

ภิกษุนั้นกราบทูลว่า  "โ ร ค ท  ้อ ง เ สี ย พระเจ้าข้า"   พ: ภิกษุผู้พยาบาล เธอไม่มีหรือ?  ภ: ไม่มี, พระเจ้าข้า.  

พ:  เพราะเหตุไรเล่า ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลเธอ?  ภ:  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ทำประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย. เพราะเหตุนั้น ภิกษุทั้งหลายจึงไม่ พ ย า บ า ล ข้าพระองค์.

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสเรียกพระอานนท์มาสั่งว่า "ดูก่อนอานนท์ เธอจงไปนำน้ำมา เรา(1) จะอาบน้ำให้ภิกษุนี้." 

พระอานนท์รับพระพุทธดำรัสแล้ว จึงไปนำน้ำมา. พระผู้มีพระภาคทรงรดน้ำ พระอานนท์ทำความสะอาด. พระผู้มีพระภาคทรงจับทางศีรษะ พระอานนท์ ยกทางเท้าให้ภิกษุนั้นนอนบนเตียง.

ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคทรงเรียกประชุมภิษุทั้งหลาย เพราะเหตุการณ์นั้น ตรัสถามว่า "ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย มีภิกษุไข้อยู่ในวิหารโน้นมิใช่หรือ?" ภ:  มี พระเจ้าข้า. 
 
พ: เธอ อ า พ า ธ ด้วยโรคอะไร?  ภ:  ด้วย โ ร ค ท  ้อ ง เ สี ย พระเจ้าข้า.  พ: มีใครพยาบาลภิกษุนั้นหรือเปล่า?  ภ: ไม่มี พระเจ้าข้า.  

พ: ทำไมเล่า ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลภิกษุนั้น.  ภ: ภิกษุทั้งหลายไม่พยาบาลเธอ เพราะเธอไม่ทำประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าข้า.

พ:  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มารดาบิดาผู้จะพึงพยาบาล พวกเธอก็ไม่มี.  ถ้าเธอไม่พยาบาล กันเอง ใครเล่าจักพยาบาล.  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดจะพยาบาล เรา ก็พึงพยาล ภิกษุไข้เถิด.  ถ้ามีอุปัชฌายะ อุปัชฌายะพึง พยาบาล เธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย.  ถ้ามีอาจารย์ อาจารย์พึงพยาบาลเธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย. ถ้ามีสัทธิวิหาริก สัทธิวิหาริกพึงพยาบาล เธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย. ถ้ามีอันเตวาสิก อันเตวาสิกพึงพยาบาล เธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย. ถ้ามีภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ ภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะพึง พยาบาล เ ธ อ ตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย.  ถ้ามีภิกษุผู้ร่วมอาจารย์ ภิกษุผู้ร่วมอาจารย์พึงพยาบาล  เธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย. ถ้าไม่มีอุปัชฌายะ อาจารย์สัทธิวิหาริก อันเตวาสิก ผู้ร่วมอุปชฌายะ หรือผู้ร่วมอาจารย์ สงฆ์พึงพยาบาล เธอ.  ถ้าไม่พยาบาล ต้องอาบัติทุกกฏ(2).
วินัยปิฎก ๕/๒๒๖
 
ผู้เช่นไร บรรลุสุขอันไพบูลย์  

"ท่านทั้งหลายจงอย่าประกอบเนือง ๆ ซึ่งความประมาทและความเชิดเชื้อกับความยินดีในกาม เพราะวาผู้ไม่ประมาท เพ่ง(ธรรม)อยู่ ย่อมได้บรรลุความสุขอันไพบูลย์."

ขึ้นสู่ที่สูงมองดูคนข้างล่าง
   
"เมื่อใด บัณฑิตรุนความประมาทออกด้วยความไม่ประมาทได้ เมื่อนั้น บัณฑิตขึ้สู่ปราสาทคือปัญญา เป็นผู้ไม่เศร้าโศก ย่อมมองเห็นประชาสัตว์ผู้โศกเศร้า. ผู้มีปัญญา ย่อมมองเห็นคนพาลได้ เหมือนคนยืนอยู่บนภูเขามองเห็นคนที่ยืนอยู่บนพื้นดินฉะนั้น."

ผู้มีปัญญาเหมือนม้าฝีเท้าเร็ว
  
"ผู้มีปัญญา เมื่อคนทั้งหลายประมาท เป็นผู้ไม่ประมาท เมื่อคนทั้งหลายหลับ(เพราะกิเลส) เป็นผู้ตื่นอยู่โดยมาก ย่อมขึ้นหน้าคนมีปัญญาทรามไป เหมือนม้ามีฝีเท้าเร็ว ขึ้นหน้าม้าที่ไม่มีกำลังไปฉะนั้น."
ธรรมบท ๒๕/๑๘

ดีเหนือผู้อื่นด้วยความไม่ประมาท  
 
"ท้าวมฆวา(พระอินทร์) บรรลุความเป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวาทั้งหลายด้วยนความไม่ประมาท, บัณฑิตสรรเสริญความไม่ประมาทติเตียน ความประมาททุกเมื่อ."
ธรรมบท ๒๕/๑๙

1. คำว่า "เรา" ในที่นี้ หมายถึงพระพุทธเจ้าและพระอานนท์
2. "อุปัชฌายะ" คือ ผู้บวชให้ คู่กับสัทธิวิหาริก คือผู้อยู่ด้วย หมายเอาผู้ที่เข้ามาบวช มีภิกษุใดเป็นอุปัชฌายะ ก็เป็นสัทธิวิหาริกของภิกษุนั้น. อาจารย์ คือผู้สวดประกาศสงฆ์ในขณะบวช หรือผู้สอนธรรม ผู้ปกครองคู่กับอันเตวาสิก คือผู้อยู่ในปกครอง

ที่มา :  http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/interest/part4.3.html

"พระพุทธบิดาประชวร เสด็จโปรด กระทั่งสำเร็จพระอรหันต์แล้วนิพพาน"คนแบบไหนที่เหมาะจะดูแลผู้ป่วย ?"พระปูติคัตตติสสเถระ ผู้มีกาย เ น่ า เ ปื่ อ ย"บทพิจารณาสังขาร "ชีวิตของเรา เป็นของไม่เที่ยง ความตายของเรา เป็นของเที่ยง"พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง พ ย า บ า ล ภิ ก ษุ ไ ข ้




Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: