คนที่ ไ ม่ สำ ร ว ม ย่ อ ม ท ิ ่ ม แ ท ง ผู้ อื่ น ด้ ว ย ว า จ า
[ณ วิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี เหล่านักบวชนอกพุทธศาสนา (อัญญเดียรถีย์ปริพาชก) ซึ่งรับไม่ได้ที่เห็นผู้คนเคารพสักการะพระพุทธเจ้ามากกว่าพวกตนได้ขอให้นางสุนทรี ซึ่ ง เ ป็ น นั ก บ ว ช ห ญิ ง น อ ก พุทธศาสนาเช่นกัน เข้าไปที่วิหารเชตวันบ่อยๆ หลังจากที่มีหลายคนเห็นว่านางไปวิหารเชตวันอยู่หลายครั้งแล้ว เหล่านักบวชนั้นก็ ว่ า จ ้ า ง นั ก เ ล ง ใ ห ้ ฆ ่ า น า ง สุนทรี เ สี ย แล้ว ห ม ก ไว้ ใน คู รอบวิหารนั้นเอง จากนั้นเหล่านักบวชได้เข้าไปพบพระเจ้าปเสนทิโกศลแล้วทำเป็นถามถึงนางสุนทรีว่า]
น: พวกเราไม่พบเห็นนางสุนทรีปริพาชิกาเลยท่าน. ป: ท่านสงสัยว่านางไปอยู่ไหนหรือ? น: ในวิหารเชตวัน. ป: ถ้าอย่างนั้น พวกท่านก็จงไปหาในวิหารดู
[จากนั้นเหล่านักบวชก็ทำทีไปค้นทั่ววิหาร และ ขุ ด ศ พ นางสุนทรี ขึ้ น ม า จ า ก คู พากัน แ ห่ ศ พ ไปทั่วกรุงสาวัตถีจากถนนนี้ไปถนนนั้น ให้คนโพทนาว่า ‘ดูการกระทำของพวกสมณศากยบุตรที่ ไม่ มี ค ว าม ละ อ า ย ทุศีล ก ล ่า ว เ ท็ จ ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ขัดกับที่พูด ไป ม ี เ พ ศ ส ั ม พ ั น ธ์ กั บ น า ง แ ล้ ว ฆ ่ า ท ิ ้ ง’ เมื่อนั้นชาวสาวัตถี ต่ า ง ก็ ก่ น ด ่ า ก ลุ่ ม สมณศากยบุตรตามข่าวลือนั้น บรรดาภิกษุจึงมาแจ้งพระพุทธเจ้าว่า]
ภ: ภันเต บัดนี้ผู้คนในกรุงสาวัตถี พอเห็นภิกษุก็ ด ่ า ท อ ด้วย ค ำ ห ย า บ ค า ย ห า ว่ า พวกเราสมณะไป ม ี เ พ ศ ส ั ม พ ั น ธ์ กั บ ห ญิ ง แ ล้ ว ฆ ่ า ท ิ ้ ง
พ: ภิกษุทั้งหลาย เสียงโจษจันเหล่านั้นจะอยู่ได้ไม่นานแค่ 7 วันเท่านั้น แล้วก็จะหายไปเอง พวกเธอจะพูดกับคนที่ ด ่ า ท อ พวกเราไปก็ได้ว่า คนที่พูดไม่จริง หรือคนที่ทำกรรม ชั่ ว แล้ว บอกว่าไม่ได้ทำ ย่อมต ก น ร ก เท่ากันในโลกหน้า
[ครั้นเวลาผ่านไป คนทั้งหลายก็คิดได้ว่า เหล่าสมณศากยบุตรไม่ ไ ด้ ทำ ผิ ด คำ วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ ก็เริ่มหายไป ภายหลังเหล่าภิกษุได้เข้าไปหาพระพุทธเจ้าแล้วกล่าวว่า]
ภ: ภันเต น่าแปลกจริง เป็นไปตามที่ท่านพูด เสียงโจษจันเหล่านั้นหายไปแล้ว
พ: คนที่ไม่ สำ ร ว ม ย่ อ ม ท ิ ่ ม แ ท ง ผู้ อื่ น ด้ ว ย ว า จ า ภิกษุเมื่อฟัง ค ำ ห ย า บ ค า ย ที่เขากล่าวนั้นแล้วพึงอดกลั้น ไม่มีจิตคิดร้ายตอบ
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 44 (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เมฆิยวรรค สุนทรีสูตร ข้อ 102), 2559, น.414-417
0 comments: