“ธรรมฝ่ายขาว”
พระผู้มีพระภาคตรัสพระสูตรนี้ไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย สุกกธรรม ๒ ประการนี้ ย่อมคุ้มครองโลก, สุกกธรรม ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑.หิริ ๒.โอตตัปปะ” ดังนี้เป็นอาทิ
อธิบาย
คำว่า “สุกกธรรม” หมายถึงกุศลธรรม คือธรรมที่เป็นฝ่ายขาว หรือธรรมบริสุทธิ์ เพราะเป็นไปเพื่อความผ่องแผ้วอย่างยิ่ง และเพราะเมื่อธรรมฝ่ายขาวเกิดขึ้นในจิตใจแล้ว จิตจึงประภัสสรบริสุทธิ์
คำว่า “หิริ” ได้แก่ความละอาย หมายถึงความละอายต่ออกุศลธรรม คำว่า “โอตตัปปะ” ได้แก่ความเกรงกลัว หมายถึงความกลัวต่ออกุศลธรรม
บุคคลผู้ละอายด้วยสิ่งที่ควรละอาย คือละอายต่อความเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรมอันลามก ท่านเรียกว่า “ผู้มีหิริ” บุคคลผู้กลัวด้วยสิ่งที่ควรกลัว คือกลัวต่อความเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรมอันลามก ท่านเรียกว่า “ผู้มีโอตตัปปะ”
หิริเกิดขึ้นในภายในจิตใจตน โอตตัปปะเกิดขึ้นในภายนอก, หิริถือตนเป็นใหญ่ โอตตัปปะถือโลกเป็นใหญ่, หิริตั้งอยู่ในความละอายเป็นสภาพ โอตตัปปะตั้งอยู่ในความกลัวเป็นสภาพ, หิริมีลักษณะยำเกรง โอตตัปปะมีลักษณะเห็นภัยอันเป็นโทษที่น่ากลัว
หิริเกิดขึ้นในภายในย่อมเกิดด้วยเหตุ ๔ อย่าง คือ นึกถึงชาติตระกูล นึกถึงวัย นึกถึงความเป็นผู้กล้า (กำลังของตน) นึกถึงความเป็นผู้คงแก่เรียน (ความรู้ความสามารถของตน) เมื่อพิจารณาถึงชาติตระกูลเป็นต้นของตนแล้วก็ละอายไม่กล้ากระทำกรรมชั่ว
ส่วนโอตตัปปะเกิดขึ้นในภายนอก เมื่อบุคคลนึกอยู่ว่า “หากเราจักทำกรรมชั่ว เราจักได้รับความติเตียนในบริษัท ๔ และวิญญูชนทั้งหลายจักติเตียนเรา เหมือนชาวเมืองรังเกียจของสกปรก เราถูกเขากำจัดเสียแล้ว จักเป็นอยู่ได้อย่างไร” ดังนี้เป็นอาทิ
เพราะฉะนั้น บุคคลผู้มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป จะละอกุศล เจริญกุศล ละสิ่งมีโทษ เจริญสิ่งไม่มีโทษ ย่อมรักษาตนให้บริสุทธิ์ได้ หิริและโอตตัปปะจึงเป็นธรรมฝ่ายขาวย่อมคุ้มครองโลก ด้วยประการฉะนี้.
สาระธรรมจากสุกกธัมมสูตร
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
28/8/64
0 comments: