วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ราธชาตกํ - ว่าด้วยพูดเพ้อเจ้อเพราะความเขลา

ราธชาตกํ - ว่าด้วยพูดเพ้อเจ้อเพราะความเขลา

"น  ตฺวํ  ราธ  วิชานาสิ,     อฑฺฒรตฺเต  อนาคเต;      อพฺยยตํ  วิลปสิ,     วิรตฺตา   โกสิยายเนติ ฯ    ดูกรราธะ เธอไม่รู้จักคนทั้งหลายที่ยังไม่มาในเวลาปฐมยาม เธอพูดเพ้อเจ้อไปตามความโง่เขลา นางพราหมณีผู้โกสิยโคตรเป็นหญิงไม่ดีหมดความรักใคร่ในบิดาของเราเสียแล้ว."

อรรถกถาราธชาดกที่ ๕ 

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภการเล้าโลมของภรรยาเก่า ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า  น  ตฺวํ  ราธ  วิชานาสิ  ดังนี้.

เรื่องปัจจุบัน จักมีแจ้งในอินทริยชาดก 

(ข้อที่แปลกคือ :- ) ก็พระศาสดาตรัสเรียกภิกษุนั้นมาตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่ามาตุคาม เป็นผู้อันใครรักษาไม่ได้ แม้จะระมัดระวังแข็งแรง ก็ไม่สามารถจะรักษาไว้ได้, ดูก่อนภิกษุ ในครั้งก่อน ถึงเธอก็ตั้งการป้องกันคอยรักษามาตุคามอยู่ แต่ไม่อาจรักษาไว้ได้เลย บัดนี้เธอจะรักษาไว้ได้อย่างไรกัน“ แล้วทรงนำเรื่องราวในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี  พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนกแขกเต้า พราหมณ์ผู้หนึ่งในแคว้นกาสี เลี้ยงพระโพธิสัตว์และน้องชายไว้ในฐานะเป็นลูก ในนกทั้งสองนั้น พระโพธิสัตว์ได้นามว่าโปฏฐปาทะ น้องชายได้นามว่าราธะ แต่ภรรยาของพราหมณ์เป็นหญิงไม่มีมารยาท ทุศีล เมื่อพราหมณ์จะออกเดินทางไปค้าขายก็สั่งเสียนกทั้งสองพี่น้องไว้ว่า „ดูก่อนพ่อทั้งสอง ถ้าพราหมณีแม่ของเจ้า จะประพฤติไม่ดีไม่งาม ละก้อ เจ้าคอยห้ามเขานะ“ นกพระโพธิสัตว์กล่าว "ครับคุณพ่อ ถ้าสามารถห้ามได้ผมก็จักห้ามถ้าห้ามไม่ได้ ก็ต้องนิ่ง“ พราหมณ์มอบนางพราหมณีแก่นกแขกเต้าทั้งสองอย่างนี้แล้ว ก็เดินทางไปค้าขาย

ตั้งแต่วันที่พราหมณ์จากไป พราหมณีก็เริ่มประพฤตินอกใจ ทั้งคนที่เข้าไปและคนที่ ออกมา หาประมาณมิได้.   นกราธะเห็นกิริยาของนางก็กล่าวกะพระโพธิสัตว์ว่า „พี่ครับ คุณพ่อของเราสั่งไว้ก่อนไปว่า ถ้าแม่ของเจ้าทั้งสอง ประพฤติไม่ดีไม่งามละก็เจ้าคอยห้ามนะ ดังนี้แล้ว จึงไป, บัดนี้เล่า นางกำลังจะประพฤติไม่ดีไม่งาม เราช่วยกันห้ามนางเถิด“

พระโพธิสัตว์กล่าวเตือนว่า „น้องรัก เจ้าพูดด้วยความโง่ เพราะความไม่ฉลาดเฉลียวของตนแท้ ๆ ขึ้นชื่อว่ามาตุคาม แม้บุคคลจะคอยอุ้มไว้พาไป ก็ยังไม่อาจรักษาไว้ได้เลย, ไม่สมควรที่เราจะทำสิ่งที่ไม่สามารถจะกระทำได้“ แล้วกล่าวคาถานี้ว่า :-

 „ราธะเอ๋ย เจ้าไม่รู้จักคนทั้งหลายที่ยังไม่มา ในเวลาครึ่งคืนข้างหน้า เจ้าพูดเพ้อเจ้อ ไปอย่างโง่ ๆ ในเมื่อ แม่โกสิยานี หมดความรัก ในบิดาของเราเสียแล้ว.“ 

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า  น  ตฺวํ  ราธ  วิชานาสิ  อฑฺฒรตฺเต  อนาคเต  ความว่า พ่อราธะเอ๋ย เจ้าไม่รู้อะไร ? ในครึ่งคืนข้างหน้า คือในยามแรกเท่านั้น คนที่ยังไม่มามีถึงเท่านี้ บัดนี้ใครเล่าจะรู้ว่า คนอีกเท่าไร จักพากันมา.  บทว่า  อพฺยายตํ  วิลปสิ  ความว่า เจ้าอย่าพูดเพ้อเจ้อเพราะความเขลา.   บทว่า  วิรตฺเต  โกสิยาย  ความว่า พราหมณีโกสิยายนีมารดาของเรา หมดรักเสียแล้ว คือไม่มีความรักในบิดาของเราเสียแล้ว ถ้าแกยังมีความเยื่อใย หรือความรักในคุณพ่อ ก็ไม่น่าจะประพฤติไม่ดี ไม่งามอย่างนี้เลย ด้วยพยัญชนะ (ในคาถา)เหล่านี้พระโพธิสัตว์ ประกาศความดังพรรณนามานี้.

ครั้นพระโพธิสัตว์ประกาศอย่างนี้แล้ว ไม่ยอมให้นกราธะน้องชาย พูดกะนางพราหมณี นางก็ประพฤติชั่วได้ตามใจชอบตราบเท่าเวลาที่พราหมณ์ยังไม่กลับมา.  พราหมณ์มาแล้ว ถามนกโปฏฐปาทะว่า „พ่อคุณ แม่ของเจ้าทั้งสองเป็นอย่างไร ?“ พระโพธิสัตว์บอกเรื่องตามเป็นจริงทั้งหมดแก่พราหมณ์แล้วกล่าวว่า „คุณพ่อครับ หญิงประพฤติชั่วอย่างนี้ คุณพ่อเลี้ยงไว้ทำไม“ แล้วกล่าวต่อไปว่า „คุณพ่อครับ นับแต่เวลาที่กระผม ทั้งสองกล่าวโทษของคุณแม่แล้ว ก็ไม่อาจอยู่ที่นี้ได้“ กราบเท้าพราหมณ์แล้วก็บินเข้าป่าไป.

พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสประกาศสัจจะเมื่อจบสัจจะภิกษุผู้กระสัน ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลแล้วทรงประชุมชาดกว่า พราหมณ์และพราหมณีในครั้งนั้นได้มาเป็นคนทั้งคู่นี้แหละ นกราธะได้มาเป็นอานนท์ ส่วนนกโปฏฐปาทะได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.  จบอรรถกถาราธชาดกที่ ๕

ที่มา : Palipage: Guide to Language - Pali


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: