ถ้ามีศีลไม่บกพร่อง ใจก็สงบได้ง่าย
“ถ้าบุคคลใด มี “ศีล” โดยปกติในสันดาน ไม่มีบกพร่อง เป็นศีลชนิดที่..พระอริยเจ้าชื่นชมพอใจแล้ว ก็ชื่อว่าบุคคลนั้นได้ “ความสงบ” อันแท้จริง ในขั้นต้น เขามีโอกาสก้าวขึ้นสู่ขั้นต่อไปคือ “สมาธิ” ได้โดยง่าย เพราะเมื่อกาย วาจา สงบดี ไม่มีโทษรบกวนแล้ว ใจ..ก็สงบได้ง่าย”
พุทธทาสภิกขุ, จากหนังสือ : “เสียงแห่งความสงบ”
“ศีล” เปรียบเหมือนปฐพี
ศีล เหมือนปฐพี เป็นที่ดำรงแห่งเหล่าพฤกษชาติ
“เหล่าพฤกษชาติย่อมงอกงาม ผลิดอก ออกผล แก่มวลมนุษย์ โดยดำรงอยู่ในปฐพีนี้ ฉันใด ศีลก็เหมือนปฐพีอันเป็นที่ดำรงแห่งเหล่าพฤกษชาติ อันเหมือนกับการเจริญ “อริยมรรคมีองค์ ๘” ฉันนั้น ” (ที่มา : สํ. มหา. ๑๙/๑๕๐/๔๔)
ในคัมภีร์ “เนตติปกรณ์” ได้กล่าวถึงศีลว่ามีอยู่ ๕ ประเภท คือ
๑. “ปกติศีล” ศีลโดยปกติ คือ ศีลที่บุคคลรักษาโดยมิได้สมาทาน ด้วยเห็นว่าศีล ๕ เป็นปกติของชาวโลก ไม่ว่าจะสมาทานหรือไม่ก็ตาม ถ้างดเว้นจากการผิดศีลย่อมได้รับผลดี ถ้าล่วงละเมิดก็ได้รับผลไม่ดี ศีลประเภทนี้เนื่องด้วยพระอริยบุคคลเป็นพิเศษ ท่านย่อมไม่ละเมิดศีลทั้งในภพนี้และภพต่อไป จนถึงเวลาที่ดับขันธ์ปรินิพพาน
๒. “สมาทานศีล” ศีลโดยการสมาทาน โดยรับเอาจากพระภิกษุ หรือสมาทานหน้าพระพุทธรูป หรือตั้งใจว่าจะงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯ เป็นต้นด้วยตนเอง.
๓. “จิตตปสาทะ” ความผ่องใสแห่งจิต คือศีลที่เกิดขึ้นในขณะฟังธรรม เป็นต้น ซึ่งจิตผ่องใสปราศจากนิวรณ์. ๔. “สมถะ” ศีลที่เกิดขึ้นในขณะเจริญสมถภาวนา ๕. “วิปัสสนา” ศีลที่เกิดขึ้นในขณะเจริญวิปัสสนาภาวนา
0 comments: