วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เราต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักทั้งสิ้น ไม่มีทางหนีพ้น

เราต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักทั้งสิ้น ไม่มีทางหนีพ้น

[สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้กล่าวกับเหล่าภิกษุว่า]

พ: สิ่งที่ทุกคนต้องเจอ ซึ่งทั้งหญิงและชาย ทั้งคนธรรมดาและนักบวช ควรต้องคิดพิจารณาอยู่เนืองๆ มี 5 ประการ

5 ประการนี้ คือ อะไร ทั้งหญิงและชาย ทั้งคนธรรมดาและนักบวช ควรต้องคิดพิจารณาอยู่เนืองๆ ว่า  -เราต้องแก่ลง ไม่มีทางหนีพ้น  -เราต้องเจ็บป่วย ไม่มีทางหนีพ้น  -เราต้องตาย ไม่มีทางหนีพ้น  -เราต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักทั้งสิ้น ไม่มีทางหนีพ้น  -เราต่างมีกรรมเป็นของตน เกิดมาจากกรรม ทำกรรมใดไปจะได้รับผลของกรรมนั้น ไม่มีทางหนีพ้น

การคิดพิจารณาเนืองๆถึงสิ่งเหล่านี้นั้น มีประโยชน์อะไร

คนเรามักมัวเมาอยู่ในความเป็นหนุ่มสาว การคิดพิจารณาเนืองๆถึงความแก่อันเป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้ละความมัวเมานั้นได้สิ้นเชิง หรือเบาบางลงได้

คนเรามักมัวเมาอยู่ในการที่สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงดี การคิดพิจารณาเนืองๆถึงความเจ็บป่วยอันเป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้ละความมัวเมานั้นได้สิ้นเชิง หรือเบาบางลงได้

คนเรามักมัวเมาอยู่กับการใช้ชีวิตและการมีชีวิตอยู่ การคิดพิจารณาเนืองๆถึงความตายอันเป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้ละความมัวเมานั้นได้สิ้นเชิง หรือเบาบางลงได้

คนเรามักพอใจรักใคร่อยู่กับสิ่งที่รัก การคิดพิจารณาเนืองๆถึงการพลัดพรากจากสิ่งที่รักอันเป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้ละความพอใจรักใคร่นั้นได้สิ้นเชิง หรือเบาบางลงได้

คนเรามีทำไม่ดีทั้งกาย วาจา ใจ การคิดพิจารณาเนืองๆถึงการต้องรับผลของกรรมอันเป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้ละความไม่ดีต่างๆได้สิ้นเชิง หรือเบาบางลงได้

ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่เราแต่ผู้เดียวเท่านั้นที่ต้องแก่...ต้องเจ็บ...ต้องตาย...ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก...ต้องรับผลของกรรมที่ทำ สัตว์ทั้งปวงที่มีการมา การไป การดับ การเกิด ล้วนแล้วแต่ต้องแก่...ต้องเจ็บ...ต้องตาย...ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก...ต้องรับผลของกรรมที่ทำด้วยกันทั้งสิ้น

เมื่อคิดพิจารณาอยู่เนืองๆเช่นนี้ ย่อมละกิเลสที่รัดรึงใจให้อยู่กับทุกข์ (สังโยชน์) ไปได้

ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 36 (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ภาค 3 นีวรณวรรค ฐานสูตร ข้อ 57), 2559, น.135-138

พระปฏาจาราเถรี "เราต้องพลัดพรากจากคนที่รักเป็นธรรมดา ไม่มีใครสามารถล่วงพ้นไปได้"





Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: