ความเร่าร้อนเกิดจากเหตุ ๔ ประการ คือ
๑. ตราบใดที่เรายังต้องเดินทางไกลอยู่ ตราบนั้นเรายังต้องประสบกับความเร่าร้อนอยู่ ทางไกลนั้นมี ๒ อย่าง คือ ๑. ทางไกลอันกันดาร ๒. ทางไกลคือวัฏฏะ (การเวียนว่ายตายเกิด) หากเราเดินทางกันดารยังไม่ถึงสถานที่ๆ ตนปรารถนาเพียงใด ก็ชื่อว่ายังต้องเดินทางไกลเรื่อยไปเพียงนั้น, อนึ่ง หากเรายังอยู่ในวัฏฏะเพียงใด ก็ชื่อว่าผู้เดินทางไกลเรื่อยไปเพียงนั้น เพราะฉะนั้น ความเร่าร้อนจากการเดินทางและการเวียนว่ายตายเกิดเรายังต้องประสบพบเจออยู่ตราบนานแสนนาน
๒. ตราบใดที่เรายังมีความเศร้าโศกอยู่ ตราบนั้นเรายังต้องประสบกับความเร่าร้อนอยู่ เพราะความเศร้าโศกมีวัฏฏะเป็นมูล คือตราบใดยังมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตราบนั้นความเศร้าโศกก็ย่อมเกิดขึ้น และความเร่าร้อนย่อมเกิดขึ้นจากความเศร้าโศกนั้น
๓. ตราบใดที่เรายังไม่หลุดพ้นในธรรมทั้งปวง ตราบนั้นเรายังต้องประสบกับความเร่าร้อนอยู่, ธรรมทั้งปวง หมายถึงธรรมทั้งหลายมีขันธ์ ๕ เป็นต้น เพราะตราบใดยังมีรูปนามขันธ์ ๕ อยู่ ความยึดมั่นถือมั่นว่า “เป็นเรา เป็นของเรา” ก็ยังมีอยู่ ความเศร้าโศกและความเร่าร้อนก็ย่อมเกิดขึ้นจากความยึดมั่นถือมั่นนั้นตราบนั้น
๔. ตราบใดที่เรายังละกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวงไม่ได้ ตราบนั้นเรายังต้องประสบกับความเร่าร้อนอยู่ เพราะกิเลสเครื่องร้อยรัด ๔ อย่างนี้ คือ (๑) อภิชฌา ความเพ่งเล็งอยากได้ของคนอื่น (๒) พยาบาท ความคิดร้ายผู้อื่น (๓) สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลและวัตร (๔) อิทังสัจจาภินิเวส ความถือมั่นว่านี้เท่านั้นจริง กิเลสเครื่องร้อยรัดทั้ง ๔ อย่างนี้อันเรายังละไม่ได้ตราบใด ตราบนั้นความเร่าร้อนย่อมเกิดขึ้น เพราะกิเลสเหล่านั้นร้อยรัดเราไว้กับความทุกข์ คือให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร
เพราะฉะนั้น ความเร่าร้อนทางกายที่เกิดจากการสัมผัสกับความหนาวร้อนเป็นต้นก็ดี ความเร่าร้อนทางใจที่เกิดจากความพลัดพรากเป็นต้นก็ดี ย่อมตามเบียดเบียนเราด้วยเหตุ ๔ ประการนั้น ดังนี้แล.
สาระธรรมจากอรรถกถาเรื่องหมอชีวก
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
19/8/64
0 comments: