รัตนะอันสูงสุด
พระผู้มีพระภาคตรัสแก่คฤหัสถ์และบรรพชิตทั้งหลายว่า “พระอริยะทั้งหลายกล่าว การประพฤติธรรม ๑ และการประพฤติพรหมจรรย์ ๑ ทั้ง ๒ นี้ว่า “เป็นรัตนะอันสูงสุด” ถ้าบุคคลออกจากเรือนมาบวชเป็นบรรพชิต ...ฯลฯ....
เธอทั้งหลายผู้มีศีลบริสุทธิ์ จงเคารพยำเกรงกัน อยู่ร่วมกับท่านผู้บริสุทธิ์ หลังจากนั้น เธอทั้งหลายจงเป็นผู้สามัคคีกัน มีปัญญารักษาตน จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ดังนี้”
อธิบายความ
ในพระคาถานั้น พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญกุศลเหตุ ๒ ประการ คือ :-
๑. การประพฤติธรรม คือการประพฤติสุจริต กายสุจริตคือเว้นจากฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ และประพฤติผิดในกาม วจีสุจริตคือเว้นจากพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ และมโนสุจริตคือไม่โลภอยากได้ของเขา ไม่พยาบาทป้องร้ายเขา และเห็นชอบคลองธรรม
๒. การประพฤติพรหมจรรย์ คือมรรคพรหมจรรย์เป็นการประพฤติในอริยมรรคมีองค์ ๘ หรือในไตรสิกขา คืออธิศีล อธิจิต อธิปัญญา
อนึ่ง ในพระสูตรทรงสอนไว้ว่า กุลบุตรผู้บวชแล้ว ไม่ควรประพฤติตน ดังนี้
๑. ไม่ควรเป็นคนปากร้ายเบียดเบียนผู้อื่น เพราะมีแต่จะพอกพูนกิเลสในใจตน
๒. อย่าให้โมหะคือความหลงปิดบังใจตน เพราะเมื่อถูกเพื่อนพรหมจรรย์ตักเตือน ก็จะชอบทะเลาะและไม่ยอมรับรู้ธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
๓. อย่าให้อวิชชาคือความไม่รู้ในอริยสัจหุ้มห่อจิตใจตน เพราะการประพฤติเบียดเบียนพระอริยะผู้อบรมตนแล้ว จะเป็นเหตุให้ตนเศร้าหมองและตกนรก
เหตุผล
๑. เพราะผู้ถูกอวิชชาหุ้มห่อแล้วย่อมประพฤติเสียหาย จะเต็มไปด้วยบาปและมีกิเลสหนาขึ้นก็ยากที่ผู้อื่นจะแนะนำพร่ำสอนให้กลับมาประพฤติตนให้ดีได้ เหมือนกับหลุมคูถที่เต็มมาหลายปีแล้วจะล้างทำความสะอาดได้ยาก
๒. เพราะนักบวชผู้อาศัยเรือนคือกามคุณ ๕ ย่อมมีความปรารถนาชั่ว มีความดำริชั่ว มีอาจาระและโคจรชั่ว
๓. เพราะการกำจัดคนชั่วผู้ทุศีลออกจากหมู่คณะ เหมือนกำจัดแกลบออกจากข้าวเปลือก หรือเหมือนกับกวาดหยากเหยื่อออกจากบ้านฉะนั้น
เพราะฉะนั้น จึงทรงสอนว่า “เธอทั้งหลายผู้มีศีลบริสุทธิ์ จงเคารพยำเกรงกัน อยู่ร่วมกับท่านผู้บริสุทธิ์ หลังจากนั้น เธอทั้งหลายจงเป็นผู้สามัคคีกัน มีปัญญารักษาตน จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ดังนี้”
สาระธรรมจากธัมมจริยสูตร
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
22/8/64
0 comments: