วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เกิดมาทั้งทีควรฝึกฝนบำเพ็ญบุญ

เกิดมาทั้งทีควรฝึกฝนบำเพ็ญบุญ

ผู้ใดหวังประโยชน์สุขเป็นกำไรชีวิต ผู้นั้นควรฝึกฝนบำเพ็ญบุญ คือ  ๑. ควรบำเพ็ญทาน  ๒. ควรประพฤติธรรมให้สม่ำเสมอ  ๓. ควรเจริญเมตตาภาวนา

ทาน คือ ความตั้งใจบริจาคสิ่งของของตนแก่ผู้อื่น จะด้วยต้องการอนุเคราะห์ผู้อื่นก็ดี หรือด้วยการให้เพื่อบูชาตอบแทนผู้มีพระคุณก็ดี การให้นั้นได้รับความสุขตั้งแต่เกิดกุศลจิตนี้ขึ้นจนถึงยามใดก็ตามที่จิตระลึกนึกถึงบุญนั้นในภายหลัง

ศีล คือ ความตั้งใจประพฤติธรรมให้สุจริตอย่างสม่ำเสมอ เมื่อตั้งใจสมาทานศีลแล้วก็สำรวมระวังมิให้ทำผิดศีล สำรวมกายใจมิให้หลงใหลไปในกามคุณ ขยันหาเลี้ยงชีพโดยสุจริต และมีความเป็นอยู่ด้วยความพอเพียง

ภาวนา คือ ความตั้งใจพิจารณาให้เห็นแจ้งซึ่งรูปนามขันธ์ ๕ โดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา และพิจารณาเห็นความแก่และความตายอันเป็นภัยใหญ่แห่งชีวิตซึ่งจะมีมาถึงแก่ตนอย่างแน่แท้ แล้วทำตนให้เป็นอุปมาว่า “เรารักสุขเกลียดทุกข์ฉันใด คนอื่นหรือสัตว์อื่นก็ฉันนั้น” จึงควรมีเมตตาปรานีต่อกัน สั่งสมและใส่ใจในหน้าที่การงาน กระทำการด้วยความไม่ประมาท เพื่อไม่ให้เป็นทุกข์เป็นโทษแก่ผู้อื่น และเพื่อความเจริญยิ่งแห่งบุญนั้น

ชีวิตของผู้ฝึกฝนบำเพ็ญบุญย่อมมีความสุขและปราศจากการเบียดเบียนกัน ดังนี้.

สาระธรรมจากอรรถกถาปุญญกิริยาวัตถุสูตร

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)

25/8/64




Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: