อคฺคิกภารทฺวาชชาตกํ - ว่าด้วยท่านอัคคิกะ
"นายํ สิขา ปุญฺญเหตุ, ฆาสเหตุ อยํ สิขา; นางฺคุฏฺฐคณนํ ยาติ, อลํ เต โหตุ อคฺคิกาติ ฯ แหยมนี้ไม่มีอยู่เพราะเหตุแห่งบุญ มีอยู่เพราะเหตุจะกินผู้อื่น ฝูงหนูย่อมไม่ถึงวิธีนับชื่ออังคุฏฐิ พอทีเถอะท่านอัคคิกะ."
อรรถกถาอัคคิกชาดกที่ ๙
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงนั่นแหละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า นายํ สิขา ปุญฺญเหตุ ดังนี้.
เรื่องปัจจุบัน เช่นเดียวกับเรื่องที่กล่าวแล้วในหนหลัง. ความย่อว่า ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระยาหนูอยู่ในป่า. ครั้งนั้น เมื่อเกิดไฟไหม้ป่า หมาจิ้งจอกตัวหนึ่งไม่สามารถจะหนีไปได้ทัน ก็ยืนเอาหัวยันไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ขนทั้งตัวของมันถูกไฟไหม้ เหลือแต่ขนตรงที่มันเอาหัวไปยันต้นไม้ไว้หน่อยหนึ่ง เป็นเหมือนจุกบนกระหม่อม.
วันหนึ่งมันดื่มน้ำในตระพัง มองดูเงาเห็นจุกแล้วคิดว่า „บัดนี้ สิ่งที่เป็นรากฐานแห่งภัณฑะเกิดแก่เราแล้ว“ เมื่ออยู่ในป่า เห็นฝูงหนูนั้นคิดว่า „เราจักลวงกินหนูเหล่านี้“ ได้ยืนอยู่ในที่ไม่ไกลตามนัยที่กล่าวแล้วในหนหลังนั่นเทียว. ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เที่ยวหากิน เห็นมันแล้วเข้าไปหา ด้วยสำคัญว่า ผู้นี้มีศีลแล้วถามว่า „ท่านชื่อว่าอย่างไร ?“ สุนัขจิ้งจอกตอบว่า „เราชื่ออัคคิกภารทวาชะ“ ถามว่า „ท่านมาทำอะไรเล่า ?“ ตอบว่า „มาเพื่อช่วยคุ้มครองพวกเจ้า“ ถามว่า "ท่านทำอย่างไร จึงจะคุ้มครองพวกเราได้“ ตอบว่า „เรารู้วิธีคำนวณที่เรียกกันว่า นับด้วยหาง, ในเวลาที่พวกเจ้าพากันออกไปหากินแต่เช้า เราก็นับไว้ว่า มีจำนวนเท่านี้ ในเวลากลับก็ต้องนับดู เมื่อเราตรวจนับอยู่ทั้งเช้าทั้งเย็นอย่างนี้ ก็จักคุ้มครองพวกเจ้าได้“
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า „ถ้าเช่นนั้นก็จงคุ้มครองเถิดลุง“ มันรับคำแล้ว ในเวลาที่พวกหนูออกไป ก็นับ หนึ่งสองสามเป็นต้น แม้ในเวลาที่กลับมาก็นับโดยทำนองเดียวกันแล้วตะครุบเอาตัวหลังเพื่อนกินเสีย. เรื่องที่เหลือก็เหมือนกับเรื่องก่อนนั่นแหละ แต่ว่า ในชาดกนี้ พระยาหนูหันกลับมายืนแล้วกล่าวว่า "เจ้าหมาอัคคิกภารทวาชะเจ้าเล่ห์ จุกบนหัวของเจ้า มิได้มีไว้เพื่อความซึ่งสัตย์สุจริตยุติธรรม แต่มีไว้เพราะเหตุแห่งปากท้อง“ แล้วกล่าวคาถานี้ว่า :-
„แหยมนี้ มิใช่มีไว้เพราะเหตุแห่งบุญ มีไว้เป็นเลสอ้างของการหากิน ฝูงหนูไม่ครบ จำนวน เพราะการนับด้วยหาง พอกันทีเถอะท่านอัคคิกะเจ้าเล่ห์."
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นงฺคฏฺฐคณนํ ยาติ ท่านกล่าวไว้หมายถึงการนับด้วยหาง อธิบายว่า ฝูงหนูนี้ไม่ถึง ไม่ใกล้เคียงไม่ครบจำนวนได้แก่ พร่องไป. บทว่า อลนฺเต โหตุ อคฺคิก ความว่า พระยาหนู เมื่อจะพูดถึงสุนัขจิ้งจอก เรียกโดยชื่อว่าอัคคิกะ. อธิบายว่า อัคคิกะเจ้าเล่ห์เอ๋ย สำหรับเจ้าพอกันเพียงเท่านี้ทีเถิดนะ เบื้องหน้าแต่นี้ต่อไป เจ้าจักกัดหนูกินอีกไม่ได้ เราหรือเจ้าเป็นอันเลิกอยู่ร่วมกัน, อธิบายว่า บัดนี้พวกเราจักไม่อยู่ร่วมกับเจ้าต่อไป ข้อความที่เหลือเช่นเดียวกับเรื่องก่อนนั่นแหละ.
พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุมชาดกว่า หมาจิ้งจอกในครั้งนั้นได้มาเป็นภิกษุนี้ในบัดนี้ ส่วนพระยาหนูได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล. จบอรรถกถาอัคคิกชาดกที่ ๙
ที่มา : Palipage: Guide to Language - Pali
0 comments: