ธรรมะของพระพุทธเจ้า เน้น “ที่นี่ เดี๋ยวนี้”
“ผมอยากจะขอร้องให้อดทนฟังอีกสักหน่อยหนึ่งว่า อุปสรรคที่พวกเราเผยแผ่พุทธศาสนาไม่สําเร็จก็เพราะว่าพวกท่านทั้งหลายสนในแต่เรื่องหลังจากตายแล้วอย่างผิดวิธี เมื่อพวกท่านทั้งหลายสนใจแต่เรื่องตายแล้ว หลังจากเข้าโลงไปแล้ว แล้วสนใจอย่างผิดวิธีด้วย พวกเราก็ไม่มีทางจะเผยแผ่พุทธศาสนาได้สําเร็จ เพราะว่าจะผิดฝาผิดตัวกันอย่างไม่มีทางที่จะเข้ากันได้
เพราะว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้พูดเรื่องต่อตายเข้าโลงแล้ว จึงจะพูดกันว่าเป็นเรื่องสําคัญ ท่านต้องการจะพูดกันถึงเรื่อง “ ที่นี่ และ เดี๋ยวนี้ ” ในฐานะที่เป็นเรื่องสําคัญ เรื่องชาติหน้านั้นไม่ได้มีไว้สําหรับการผลัดเพี้ยน หรือว่าเพื่อผลัดเวลาเพื่อหวังแก้ตัวต่อชาติหน้า หรือเอาไว้ต่อชาติโน้นจึงค่อยทําดีกว่าอย่างนี้ ไม่ใช่อย่างนั้น
เรื่องชาติหน้านี้พระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวไว้เพื่อให้เกิดความสนใจแก่การแก้ไขชาตินี้ เพราะว่าเป็นสิ่งที่เราทําได้หรืออยู่ในวิสัยที่เราจะทําได้นั้นมันอยู่ในชาตินี้ เพราะฉะนั้น ถ้าเราแก้ไขชาตินี้ให้ถูกต้อง ชาติหน้าเป็นอันว่าถูกแก้ไขด้วยโดยไม่ต้องแก้ไข
นี่ฟังดูก็คล้ายๆจะไม่เป็นไปได้ แต่ว่า นี้คือความเป็นไปได้ที่สุด เราจะต้องแก้ไขชาตินี้ให้ดี ให้ถูกต้อง ให้สมบูรณ์ แล้วชาติหน้าก็จะเป็นสิ่งที่ถูกแก้ไขในตัวมันเอง ดังนั้น ทําไมจึงเอาไปฝากไว้ชาติหน้า แล้วไปค่อยทําเอาชาติหน้า อย่างนี้มันจะไม่ได้อะไรเลยทั้ง ๒ ชาติ
เรื่องชาติหน้านั้น ท่านตรัสไว้เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ ในชาตินี้ให้ถูกต้อง เพื่อจัดการสิ่งต่างๆ ให้เสร็จให้ถูกต้องไปแต่ในชาตินี้ และให้รู้จักความสําคัญอย่างยิ่งของคําว่าชาตินี้ คําว่า ชาตินี้ชาติหน้านี้ ไขว้เขวกันอยู่อย่างนี้ เสมอไป ถ้าจะลืมเสียสักทีหนึ่งก่อนจะดีกว่า เรื่องชาติหน้านั้น ถ้าจะเข้าใจผิดทํานองนี้แล้ว ลืมเสียทีจะดีกว่า ชาตินี้จะต้องทําอย่างไรแล้วก็ทําให้ถูกต้องตามคําสั่งสอนของพระพุทธองค์ดีกว่า
แล้วอีกอย่างหนึ่งเรื่อง “ชาติหน้า” นี้ ระวังให้ดี! เผลอนิดเดียวเป็น “สัสสตทิฏฐิ” การที่ใครจะเชื่อว่าคนๆเดียวนี้ คือเรานี้ แล้วคนๆนี้ตายแล้วไปเกิดอีก แล้วก็คือคนๆนี้อีก อย่างนี้มันเป็น “สัสสตทิฏฐิ” ไม่มีทางที่จะแก้ตัว ทีนี้ถ้าว่าไม่มีใครเกิดเสียเลย มันก็เป็น “อุจเฉททิฏฐิ” ไม่มีทางที่จะแก้ตัว”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายแก่นิสิตมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หัวข้อเรื่อง “อุปสรรคการเข้าถึงธรรม” เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๑๑ ที่ลานอโศก วัดมหาธาตุฯ จากเอกสารชุดมองด้านใน อันดับที่ ๑๕
0 comments: