“ศาสนา” เขามีไว้เพื่อที่จะ “ดับทุกข์” ไม่ได้มีไว้เพื่ออวดภูมิรู้ทางสติปัญญา หรือทางปรัชญา” -พุทธทาสภิกขุ
พุทธศาสนาอย่าง “ปรัชญา” เรียนจนตายก็ไม่มีทางรู้พระพุทธศาสนา
“ ท่านทั้งหลายมักจะเรียนพุทธศาสนาในฐานะเป็นวิชาทั่วไป, วิชาสําหรับพูดหรือเป็นปรัชญาแบบฝรั่งไปเลย, ถ้าเรียนพุทธศาสนาอย่างปรัชญาแบบฝรั่งแล้วก็ ไม่มีวันที่จะรู้พุทธศาสนา, มาด่ากันลับหลังก็ได้ พวกที่เรียนพุทธศาสนาอย่างปรัชญาให้เรียนจนตาย, ตาย, ตาย, ก็ไม่มีทางที่จะรู้พระพุทธศาสนา, ฉะนั้น ขอให้เลิกเรียนพุทธศาสนาอย่างปรัชญา คําๆนี้ต้องเอาคําตะวันตกเป็นหลัก คือ philosophy คําว่า “ปรัชญา” ยืมของอินเดียไปใช้ผิดๆ ในเมืองไทยยืมคําอินเดีย คือ“ปรัชญา” ไปใช้ผิดๆ คําว่าปรัชญานั้นถูกต้องแล้ว ไปเป็นคําแปลของ philosophy ซึ่งโง่ ซึ่งมืด ซึ่งยังไม่รู้ว่าอะไร
ฉะนั้น ระวังให้ดี ในเมืองไทยพอพูดว่าปรัชญาแล้วก็ ให้รู้เถอะว่า หมายถึง philosophy ไม่ใช่ “สัจจะ”, ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นสันทิฏฐิโก.
Philosophy เขาเรียนอย่างสมมติฐาน มีสมมติฐานมาแวดล้อมด้วยเหตุผลแล้วลงมติ นี้มันก็ไม่ใช่ตัวจริง และไม่มีสันทิฏฐิโกเลย.
เราต้องเอา“ตัวจริง”มา เอาตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มา เอาผัสสะ เวทนา ตัณหา มา เอาความทุกข์มา แล้วดูกันไปจริงๆที่นั่น แล้วก็เข้าใจมันที่นั่น ( เพราะทุกข์เกิดและดับได้ที่นั่น ) อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็น“สันทิฏฐิโก” เป็นธรรมะที่เป็นสันทิฏฐิโก ไม่ใช่ philosophy แล้วก็ไม่ใช่ตรรกะ Logic แล้วก็ไม่ใช่อะไรๆอีกหลายๆอย่าง ที่พวกฝรั่งเขาชอบกันนัก, ไม่ใช่ แล้วที่คุณกําลังตามก้นฝรั่งน่ะ ระวังให้ดี จะไม่มีวันพบกันกับพุทธศาสนา ถ้าเรียนพุทธศาสนาอย่าง Philosophy.”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายประจำวันเสาร์ แห่งภาคมาฆบูชา หัวข้อเรื่อง “จิตตภาวนา คือ ชีวิตพัฒนา” บรรยายเมื่อ วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๒๖ จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ธรรมะเล่มน้อย” หน้า ๔๖
0 comments: