"โลกถูกความมืดคือโมหะปิดไว้จึงปรากฏดุจรูปอันน่ายินดี..."
ถึงชีวิตนี้จะมืดแปดด้าน ทุกทิศทางมืดมน มองไม่เห็น คิดไม่ออก จนปัญญาไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร หากยังสับสนคิดจะหาทางออกให้ชีวิตแต่ก็ยังมืดมนไม่รู้จะไปทางไหน โปรดตั้งจิตเมตตา จงแผ่เมตตจิตไปให้สม่ำเสมอกัน ทั้งในตนเอง ในคนที่เป็นกลางๆ ในคนผู้เป็นที่รัก ในคนผู้มีเวรต่อกัน และอย่าทำความโกรธต่อใครๆ เพราะพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
“โลกถูกความมืดคือโมหะปิดไว้จึงปรากฏดุจรูปอันน่ายินดี คนพาลถูกกิเลสและกรรมผูกไว้และถูกความมืดคือโมหะแวดล้อมแล้วมักสำคัญตนว่า “เป็นผู้ยั่งยืน (แต่ไฉนได้รับความทุกข์เล่า)” แต่ความครุ่นคิดเช่นนั้นย่อมไม่มีแก่ท่านผู้รู้แจ้ง”
ธรรมดาว่าสัตว์ทั้งหลายผู้เที่ยวไปในวัฏฏะ สำหรับผู้ไม่ประมาทตลอดกาลเป็นนิตย์ย่อมทำแต่บุญกรรมไว้ ส่วนผู้มีความประมาทก็ทำบาปกรรมบ้าง เพราะเหตุนั้น สัตว์ผู้เที่ยวไปในวัฏฏะ จึงเสวยสุขบ้าง ทุกข์บ้าง
เพราะฉะนั้น ยามชีวิตมืดแปดด้านจงถึงพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเถิด.
สาระธรรมจากธรรมบทภาค ๒ (เรื่องพระนางสามาวดี)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
10/6/64
0 comments: