มารทุกชนิดนั้นเป็นของขวัญมาจากพระ
เราทำมารให้เป็นของมีประโยชน์ได้ เช่นว่ากลัวขึ้นมา ด้วยความโง่เขลา ก็พยายามพิจารณา ทำลายความกลัว หรือความโง่เขลาเสียให้ได้, นี้ก็กลายเป็นของดีไป. หรือเวลาที่มันมีน้อยไม่ค่อยพอ รู้สึกว่าเวลาไม่พอ แล้วก็งานไม่เสร็จ ก็เสียดาย ก็รู้จักทำให้เวลามันพอ หรือทำให้เก่งขึ้น ให้เร็วขึ้น ให้ฉลาดขึ้น, หรือว่าถ้าทำไม่ได้ ก็ทำจิตชนิดที่ไม่ต้องเป็นทาสของเวลา, อย่าให้เวลามันมาเคี้ยวกินเรา. เราทำไปด้วยจิตที่ปราศจากกิเลสตัณหา สิ่งที่เรียกว่าเวลา ก็ไม่ทรมานเรา. นี่เวลาก็ไม่เป็นมารแก่เรา แล้วสามารถทำให้เราเอาชนะเวลาได้ มันก็ใกล้มรรคผล นิพพาน เข้าไปทุกที. นี้เราเรียกว่ารู้จักทำมารให้กลายเป็นของขวัญที่มาจากพระเสีย.
ในเรื่องธรรมดาสามัญเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไป ก็ขอให้เล็งไปที่สิ่งที่เรียกว่าอุปสรรค. ขอให้มองเห็นว่าอุปสรรคทั้งหลายนั้น มันมีมาเพื่อให้เราฉลาด. อุปสรรคไม่มีแก่คนฉลาด ; อุปสรรคมีแก่คนโง่. เพราะฉะนั้นถ้ารู้ว่าอะไรเป็นอุปสรรคแล้ว ก็ยอมรับเสียดีๆ ว่าเรามันยังโง่, แล้วก็รีบค้นหาต้นตอของอุปสรรค ทำลายรากเหง้าของอุปสรรค จนอุปสรรคไม่มี, เราก็กลายเป็นคนฉลาดขึ้นมาทันที เป็นคนมีความสามารถเข้มแข็งขึ้นมาทัน. นี้เรียกว่าอุปสรรค มันมาเพื่อทำให้เราเป็นคนฉลาด สามารถและเข้มแข็ง.
คนโดยมากไม่ต้อนรับอุปสรรคอย่างนี้ มัวแต่ร้องโวยวายไปอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างน่าละอายที่สุด, แล้วก็ยังไม่รู้สึกละอาย, เป็นอยู่ทั่วไปในหมู่พุทธบริษัท ไม่ยกเว้นแม้ที่เป็นพระเป็นเณร ไม่สามารถที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ใด้ ก็เต็มไปด้วยมาร, แล้วก็ถูกมารกระทำย่ำยี ป่นปี้ จนแหลกลาญไม่มีอะไรเหลือ, เพราะไม่รู้จักต้อนรับอุปสรรค ให้กลายเป็นสิ่งที่มาเพื่อทำให้เราฉลาดและสามารถ.
รวมความว่า มารทุกชนิดนั้นเป็นของขวัญมาจากพระ คือจะทำให้เราเป็นพระ ถ้าเราชนะมารได้ เราก็จะเป็นพระ; ฉะนั้นจึงถือว่ามารนี้ คือของขวัญของพระ.
ใครคือใคร? (น.152) ธรรมโฆษณ์ / พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : Line ปันบุญ ปันธรรม
0 comments: