“ยามสุขก็อย่าให้ความตรึกนึกคิดที่ไม่ฉลาดเกิดขึ้นเลย”
อกุศลวิตก คือ ความตรึกนึกคิดด้วยความไม่ฉลาด อันเป็นการนึกคิดในเรื่องที่ไม่ดี เป็นอาการที่ปรากฏเกิดขึ้นแก่จิตของบุคคลผู้มีกิเลสอันเก็บสะสมไว้ภายในจิตใจมาอย่างยาวนาน จะปรากฏเกิดขึ้นในจิตใจของบุคคลนั้นๆ ในยามสุขหรือในยามจิตเริ่มสงบ ดังต่อไปนี้
ท่านกล่าวว่า “เมื่อได้สุขแล้วหรือเมื่อจิตเริ่มสงบเท่านั้น”
(๑) กามวิตก คือความตรึกในทางกาม หรือความนึกคิดในทางแสวงหา หรือความพัวพันติดข้องในสิ่งที่สนองความอยากก็เกิดขึ้นปรากฏขึ้นแก่จิต ทำให้บุคคลนั้นยินดีในสมบัตินั้นๆ หรือในสุขนั้น หรือในความสงบนั้น นี้เรียกว่า “เกิดกามวิตกขึ้นในจิตใจ”
ท่านกล่าวไว้อีกว่า “เมื่อได้เสวยสุขมากขึ้นหรือเมื่อจิตเริ่มสงบมากขึ้น เมื่อมีคนทำผิดต่อตนเองถูกจับมาพร้อมทั้งของกลาง”
(๒) พยาบาทวิตก คือความตรึกในทางพยาบาท หรือความนึกคิดที่ประกอบด้วยความขัดเคืองเพ่งมองในแง่ร้ายก็เกิดขึ้นปรากฏขึ้นแก่จิต ทำให้บุคคลนั้นคิดปองร้ายต่อผู้กระทำความผิดในตนแล้วสั่งฆ่าเขาเป็นอาทิ นี้เรียกว่า “เกิดพยาบาทวิตกขึ้นในจิตใจ”
อนึ่ง ท่านกล่าวไว้อีกว่า “เมื่อได้เสวยสุขยาวนานหรือเมื่อจิตติดในความสงบ” เมื่อมีคนทำผิดต่อตนก็ดี ไม่ยกย่องตนก็ดี”
(๓) วิหิงสาวิตก คือความตรึกในทางเบียดเบียน หรือความนึกคิดในทางทำลายทำร้ายหรือก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นก็เกิดขึ้นปรากฏขึ้นแก่จิต ทำให้บุคคลนั้นใช้อำนาจสั่งการเบียดเบียนผู้อื่นด้วยการจองจำเป็นต้น นี้เรียกว่า “เกิดวิหิงสาวิตกขึ้นในจิตใจ”
เมื่ออกุศลวิตกทั้ง ๓ เกิดขึ้นเช่นนั้นแล้ว บุคคลนั้นได้เป็นผู้ถูกแวดล้อมเกลื่อนกล่นด้วยอกุศล เหมือนต้นไม้ถูกล้อมด้วยเชิงเถาวัลย์ และเหมือนรวงผึ้งถูกแวดล้อมด้วยตัวผึ้งฉะนั้น
สาระธรรมจากอรรถกถา ขุททกนิกาย ในเมฆิยสูตร
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
17/6/64
0 comments: