“สติมาปัญญาเกิด” (2)
จงพยายามใช้สติขับไล่ความประมาทและใช้ปัญญากำจัดความเขลาออก เพื่อกำหนดรู้ความเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารให้ได้ เหมือนการใช้น้ำใหม่ที่ใสสะอาดเข้าไปรุนน้ำเก่าอันโสโครกให้ไหลออกไปจะได้มองเห็นตัวปลาที่แหวกว่ายตายเกิดอยู่ในสระฉะนั้น
ธรรมชาติของน้ำใหม่ไหลเข้าไปสู่สระ ทำน้ำเก่าให้กระเพื่อม ไม่ให้โอกาสแก่น้ำเก่านั้น ย่อมรุน ย่อมระบายน้ำเก่านั้นให้ไหลหนีไป ฉันใด, บัณฑิตก็ฉันนั้น ใช้สติบรรเทาความประมาท พอกพูนความไม่ประมาท ไม่ให้โอกาสแก่ความประมาท ก็ชื่อว่าย่อมบรรเทา ย่อมขับไล่ซึ่งความประมาทนั้น ด้วยกำลังแห่งสติคือความไม่ประมาท บำเพ็ญปฏิปทาอันสมควรแก่ความไม่ประมาทนั้นอยู่ ขึ้นสู่ปัญญาเพียงดังปราสาทกล่าวคือทิพพจักษุญาณอันบริสุทธิ์ ดุจบุคคลขึ้นสู่ประสาททางบันได ย่อมพิจารณาเห็น คือย่อมมองเห็นหมู่สัตว์ ผู้มีความเศร้าโศก ผู้ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ด้วยทิพพจักษุฉะนั้น.
สาระธรรมจากธรรมบทภาค ๒ (เรื่องพระมหากัสสปเถระ)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) 7/6/64. “สติมาปัญญาเกิด” (1)
0 comments: