อชิตมาณพทูลถามปัญหากะพระผู้มีพระภาคว่า
“โลก (หมู่สัตว์) ถูกอะไรเล่าหุ้มห่อไว้ ? เพราะอะไรเล่าโลกจึงไม่สดใส ? ขอพระองค์โปรดตรัสบอกเถิดว่า “อะไรเล่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ ? (และ) อะไรเล่าเป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น ?”
พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า “ดูกรอชิตะ โลก (หมู่สัตว์) ถูกอวิชชาหุ้มห่อไว้ โลกไม่สดใสเพราะความตระหนี่และความประมาท เรากล่าวตัณหาว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น”
สัตว์โลกถูกอวิชชาหุ้มห่อปกปิดไว้ เมื่อถูกความไม่รู้ในอริยสัจปกปิดไว้ สัตว์โลกจึงไม่สดใส ด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ
๑. ด้วยความตระหนี่ เพราะตระหนี่จึงไม่กล้าทำความดีแม้แต่การให้ทานเป็นต้น พร้อมทั้งไม่กล้าประกาศคุณความดีของผู้อื่นคือเป็นคนอกตัญญูนั่นเอง
๒. ด้วยความประมาท เพราะประมาทจึงมัวเมาในชีวิตไม่รักษาศีลและไม่เจริญภาวนา
เพราะฉะนั้น สัตว์โลกนี้จึงเศร้าหมองด้วยความตระหนี่และความประมาทนั้น
อนึ่ง ตัณหาคือความทะยานอยากได้จัดเป็นเครื่องฉาบทาสัตว์โลกนั้นไว้ ประดุจตังหรือกระบอกดักลิงเป็นเครื่องมือลอกดักจับลิงฉะนั้น เมื่อสัตว์โลกถูกตัณหายึดไว้จึงประสบกับความทุกข์หรือภัยต่างๆ เช่น
๑. ชาติ ทุกข์เพราะความเกิด ๒. ชรา ทุกข์เพราะความแก่ ๓. มรณะ ทุกข์เพราะความตาย ๔. โสกะ ทุกข์เพราะความโศก หรือความแห้งใจ ๕. ปริเทวะ ทุกข์เพราะความคร่ำครวญ ความร่ำไรรำพัน ๖. ทุกข์กาย ทุกข์เพราะความลำบากทางกาย ความไม่สำราญทางกาย ๗. โทมนัส ทุกข์เพราะความไม่สำราญทางจิต ได้เสวยอารมณ์อันไม่ดีทางใจ ๘. อุปายาส ทุกข์เพราะความแค้น หรือความคับแค้นของบุคคลผู้ประสบความพิบัติ ๙. ทุกข์ความประจวบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก อันไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ ๑๐. ทุกข์เพราะความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ๑๑. ทุกข์เพราะปรารถนาสิ่งใดก็ไม่ได้สิ่งนั้น
ตัณหาคือความอยากได้หรือความปรารถนานี้ ย่อมบังเกิด แก่สัตว์ผู้มีความเกิดเป็นธรรมดา แก่สัตว์ผู้มีความแก่เป็นธรรมดา แก่สัตว์ผู้มีความเจ็บเป็นธรรมดา แก่สัตว์ผู้มีความตายเป็นธรรมดา เมื่อสัตว์โลกถูกตัณหายึดไว้จึงประสบกับความทุกข์หรือภัยต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ในกาลทุกเมื่อนั่นเทียว.
สาระธรรมจากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ (อชิตมาณวกปัญหาที่ ๑)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
30/6/64
0 comments: