วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

มงคลที่ ๓๔ นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ - การกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เป็นอุดมมงคล

มงคลที่ ๓๔ การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน - นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ

๏ ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์   ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน   เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน   ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก ๛

การทำให้แจ้งในพระนิพพาน

นิพพาน คือ ภาวะของจิตที่ดับกิเลสได้หมดสิ้น หลุดจากอำนาจกรรม และไม่ต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏอีก ซึ่งก็คือพ้นจากทุกข์นั่นเอง   ท่านว่าลักษณะของนิพพานมีอยู่ ๒ ระดับดังนี้คือ   ๑. การดับกิเลสขณะที่ยังมีเบญจขันธ์เหลืออยู่ หรือการเข้าถึงนิพพานขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ - สอุปาทิเสสนิพพาน   ๒. การดับกิเลสที่ไม่มีเบญจขันธ์เหลืออยู่เลย คือการที่ร่างกายเราแตกดับแล้ว ไปเสวยสุขอันเป็นอมตะในพระนิพพาน (ตรงนี้ไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างมากไปกว่านี้ได้) - อนุปาทิเสสนิพพาน 

การที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ ก็ต้องปฏิบัติธรรมและเจริญสมาธิภาวนาจนถึงขั้นสูงสุด   ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์วิสุทธิมรรค ท่านเป็นพระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ  ท่านอธิบายถึงการระลึกถึงคุณพระนิพพาน โดยท่านยกบาลี ๘ ข้อ ไว้เป็นแนวเครื่องระลึก ดังจะนำมา เขียนไว้เพื่อเป็นเครื่องอุปกรณ์ในการระลึกดังต่อไปนี้.  บาลีปรารภพระนิพพาน ๘

๑. มทนิมฺมทโน แปลว่า พระนิพพานย่ำยีเสียซึ่งความเมา มีความเมาในความเป็น คนหนุ่ม และเมาในชีวิต โดยคิดว่าตนจะไม่ตายเป็นต้น ให้สิ้นไปจากอารมณ์ คือคิดเป็นปกติเสมอว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน โลกนี้ทั้งสิ้น มีความฉิบหายเป็นที่สุด

๒. ปิปาสวินโย แปลว่า พระนิพพาน บรรเทาซึ่งความกระหาย คือความใคร่กำหนัดยินดีในกามคุณ ๕ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส และการถูกต้องสัมผัส

๓. อาลยสมุคฺฆาโต แปลว่า พระนิพพาน ถอนเสียซึ่งอาลัยในกามคุณ ๕ หมายความว่า ท่านที่เข้าถึงพระนิพพาน คือมีกิเลสสิ้นแล้ว ย่อมไม่ผูกพันในกามคุณ ๕ เห็นกามคุณ ๕ เสมือนเห็นซากศพ

๔. วัฏฏปัจเฉโท แปลว่า พระนิพพาน ตัดเสียซึ่งวนสาม คือ กิเลสวัฏได้แก่ ตัดกิเลสได้สิ้นเชิง ไม่มีความมัวเมาในกิเลสเหลืออยู่แม้แต่น้อย กรรมวัฏ ตัดกรรม อันเป็นบาปอกุศล วิปากวัฏคือตัดผลกรรมที่เป็นอกุศลได้สิ้นเชิง

๕. ตัณหักขโย, วิราโค, นิโรโธ แปลว่า นิพพานธรรมนั้น ถึงความสิ้นไปแห่งตัณหา ตัณหาไม่กำเริบอีก มีความหน่ายในตัณหา ไม่มีความพอใจในตัณหาอีก ดับตัณหาเสียได้สนิทตัณหาไม่กำเริบขึ้นอีกได้แม้แต่น้อย

๖. นิพพานัง แปลว่า ดับสนิทแห่งกิเลส ตัณหา อุปาทาน กรรมอำนาจทั้ง ๔ นี้ ไม่มีโอกาสจะให้ผล แก่ท่านที่มีจิตเข้าถึงพระนิพพานแล้วได้อีก ตามข้อปรากฏว่ามีเพียง ๖ ข้อ ความจริงข้อที่ ๕ ท่านรวมไว้ ๓ อย่าง คือ ตัณหักขโย ๑ วิราโค ๑ นิโรโธ ๑ ข้อนี้รวมกันไว้เสีย ๓ ข้อแล้ว ทั้งหมดจึงเป็น ๘ ข้อพอดี ท่านลงในแบบว่า ๘ ก็เขียนว่า ๘ ตามท่าน ความจริงเมื่อท่านจะรวมกัน ท่านน่าจะเขียนว่า ๖ ข้อก็จะสิ้นเรื่อง เมื่อท่าน เขียนเป็นแบบมาอย่างนี้ ก็เขียนตามท่าน

ท่านสอนให้ตั้งจิตกำหนดความดีของพระนิพพาน ตามในบาลีทั้ง ๘ แม้ข้อใด ข้อหนึ่งก็ได้ตามความพอใจ แต่ท่านก็แนะไว้ในที่เดียวกันว่า บริกรรมภาวนาว่า "นิพพานัง" นั่นแหละดีอย่างยิ่งภาวนาไป จนกว่าจิตจะเข้าสู่อุปจารฌาน โดยที่จิตระงับนิวรณ์ ๕ ได้สงบแล้ว เข้าถึงอุปจารฌานเป็นที่สุด กรรมฐานนี้ ที่ท่านกล่าวว่าได้ถึงที่สุด เพียงอุปจารฌานก็เพราะ เป็นกรรมฐานละเอียดสุขุม และใช้อารมณ์ใคร่ครวญเป็นปกติ กรรมฐานนี้จึงมีกำลังไม่ถึงฌาน

อานิสงส์

อานิสงส์ที่ใช้อารมณ์ใคร่ครวญถึงพระนิพพานนี้มีผลมาก เป็นปัจจัยให้ละอารมณ์ที่คลุกเคล้าด้วยอำนาจกิเลส และตัณหา เห็นโทษในวัฏฏะ เป็นปัจจัยให้แสวงหาทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ อันเป็นปฏิปทาไปสู่พระนิพพาน เป็นกรรมฐานที่นักปฏิบัติได้ผลเป็นกำไร เพราะเป็นปัจจัยให้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้อย่างสบาย ขอท่านนักปฏิบัติจงสนใจกรรมฐานกองนี้ให้มาก ๆ และแสวงหาแนวปฏิบัติ ที่เข้าตรงต่อพระนิพพานมาปฏิบัติ ท่านมีโอกาสจะเข้าสู่พระนิพพานได้อย่างไม่ยากนัก เพราะระลึกนึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์นี้ เป็นองค์หนึ่งในองค์สามของพระโสดาบัน ชื่อว่าท่านก้าวเข้าไปเป็นพระโสดาบันหนึ่งในสามขององค์พระโสดาบันแล้ว เหลืออีกสองต้องควรแสวงหาให้ครบถ้วน

พระนิพพานไม่สูญ

ท่านนักปฏิบัติได้กำหนดกรรมฐานในอุปสมานุสสตินี้แล้ว ท่านอาจจะต้องประสบกับปัญหายุ่งสมอง ในเรื่องพระนิพพานอีกตอนหนึ่ง เพราะบรรดานักคิดนักแต่งทั้งหลาย ได้พากันโฆษณามาหลายร้อยปีแล้วว่า พระนิพพานเป็นสภาพสูญ แต่พอมาอ่านหนังสือของพระอรหันต์ท่านเขียน คือหนังสือวิสุทธิมรรค ท่านกลับยืนยันว่า พระนิพพานไม่สูญ ดังท่านจะเห็นตามบาลีทั้ง ๘ ที่ท่านยกมาเป็นองค์ภาวนา นั้น คือ มทนิมฺมทโน พระนิพพานตัดความเมาในชีวิต ปิปาสวินโย นิพพานบรรเทาความกระหายใน กามคุณ ๕ อาลยสมุคฺฆาโต พระนิพพานถอนอาลัยในกามคุณ วัฏฏปัจเฉโท พระนิพพานตัดวนสามให้ขาด ตัณหักขโย พระนิพพานมีตัณหาสิ้นแล้ว หรือสิ้นตัณหาแล้วเข้าสู่นิพพาน วิราโค มีความเบื่อหน่ายในตัณหา นิโรโธ ดับตัณหาได้สนิทแล้ว โดยตัณหาไม่กำเริบอีก นิพพานัง มีความดับสนิทแล้วจากกิเลส ตัณหา อุปาทานกรรม อันเป็นเหตุให้เกิดอีกในวัฏสงสาร

ที่มา : http://www.dhammathai.org

นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ - การกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เป็นอุดมมงคล

นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ นิพพานะสังขาตัง นามะ ทุวิธัง เอตัง นิพพานัง ปะระมัง สุขัง เวทิตัพพันติ.  บัดนี้ จะได้วิสัชนาในมงคลที่ ๓๔ ตามพระบาลีและอรรถกถาว่า นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ แปลว่า บุคคลใดมากกระทำพระนิพพานความดับทุกข์ให้รู้แจ้งเห็นประจักษ์ขึ้นในสันดาน จัดเป็นมงคลความเจริญอันวิเศษเหตุดับเสียได้ซึ่งกองทุกข์

พระนิพพานนั้นท่านเรียกว่า ความสุขอันประเสริฐเลิศกว่าความสุขทั้งปวง เป็นความสุขวิเศษใหญ่หลวงยิ่งกว่าสุขในมนุษย์สวรรค์ชั้นพรหมโลก เป็นที่ระงับโศกของหมู่สัตว์ เป็นที่สิ้นไปแห่งไตรวัฏฏ์ ทั้ง ๓ คือ กัมมะวัฏฏะ ได้แก่ กุศลและอกุศล ๑ กิเลสะวัฏฏะ ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ๑ วิปากะวัฏฏะ ได้แก่ ผลบุญและบาป ๑ พระนิพพานเป็น อสังขตธรรม ไม่มีธรรม คือ กุศลและอกุศลที่จะตกแต่งให้บังเกิดขึ้น

พระนิพพานเป็นอสังขตธาตุ ไม่มีธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลง ไฟ ไม่มีธาตุ ๖ และ ธาตุ ๑๒ ธาตุ ๑๘ ที่จะประชุมแล้วและทรงไว้ พระนิพพานเป็นอสังขตปัจจัย ไม่มีปัจจัยประชุมแต่งให้มีขึ้น

ถามว่า อะไรเรียกว่าปัจจัย แก้ว่าปัจจัยมี ๑๒ คือ อวิชชา ความไม่รู้เท่าทันในสังขารให้เกิดสังขาร ๑ สังขารให้เกิดวิญญาณ ๑ วิญญาณให้เกิดรูปนาม ๑ รูปนามให้เกิดอายตนะ ๑ อายตนะให้เกิดผัสสะ ๑ ผัสสะให้เกิดเวทนา ๑ เวทนาให้เกิดตัญหา ๑ ตัญหาให้เกิดอุปาทาน ๑ อุปาทานให้เกิดภพ ๑ ภพให้เกิดชาติ ๑ ชาติให้เกิดความแก่เจ็บไข้ ๑ ความแก่เจ็บไข้ให้เกิดความตาย และความเศร้าโศกโสกาอาลัย ๑ เป็นปัจจัย ๑๒ ดังนี้

อนึ่ง พระนิพพานมีอรรถ ๕ ประการ อะชาติ ไม่มีความเกิด มีขันธ์ ๕ ขันธ์ ๔ ขันธ์ ๑ อะชะรา ไม่มีความชราชำรุดทรุดโทรม อะพะยาธิ ไม่มีความเจ็บไข้และโรคภัยต่าง ๆ อะมะตัง ไม่มีความตายแตกดับทำลาย นิพพะยังคะตา ถึงพระนิพพานแล้วก็ดับเสียซึ่งกองทุกข์ทั้งสิ้น

อนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงตรัสแก่ภิกษุว่า อัตถิ ภิกขะเว ตะทายะนัง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายตนะมีชื่อว่า อสังขตธรรม อสังขตธาตุ อสังขตปัจจัย ไม่มีธรรมอันใดที่จะตกเเต่งให้บังเกิดขึ้น ไม่มีนามรูป ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๔ ขันธ์ ๑ ไม่มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณ อากาศ เป็นที่ดับ ๗ ประการที่เป็นโลกีย์ ให้ขาดเป็นสมุจเฉทปหาน เป็นธรรมฐิตีญาณเฉฬังคุเปกขา

นิพพานัง  ปะระนัง  สุขัง  พระนิพพานเป็นปรมัตถสุข เป็นสุขอย่างยิ่งอย่างเลิศ ไม่เกิดความทุกข์ คือ ปฎิสนธิในภพทั้ง ๓ กำเนิด ๔ คติ ๕ ไม่มีชาติ ชรา พยาธิ มรณะภัย นิพพานัง ปะระมัง สุญญัง พระนิพพานเป็นที่สูญอย่างยิ่ง สูญจากภพทั้ง ๓ ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๔ ขันธ์ ๑ สูญจากอายตนะภายใน ๖ ภายนอก ๖ สูญจากธาตุและอินทรีย์ทั้งหลาย สูญจากความเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏสงสาร สูญจากอวิชชา ตัญหา มานะ ทิฏฐิ อุปาทาน สูญจากสังโยชน์ ๑๐ ประการ คือ

สังกายทิฏฐิ ความเห็นว่ากายนี้เป็นตัวตน สัตว์บุคคล ๑    วิจิกิจฉา ความสงสัยในกุศลและอกุศล ๑    สีลัมพพะตะ คือ ข้อปฎิบัตินอกศาสนา ๑    กามะฉันทะ ความรักใคร่ในกามคุณ คือ กิเลสกามและวัตถุกาม ๑    พะยาปาทะ โกรธ ผูกเวรอาฆาตแช่งสัตว์อื่นให้พินาศไปด้วยภัยทั้งปวง ๑    รูปราคะ ความยินดีด้วยธรรมที่มีรูป ๑    อะรูปราคะ ความยินดีอยู่ในธรรมที่ไม่มีรูป ๑    มานะ ความถือตัวถือตน ถือชาติตระกูล ๑    อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่านรำคาญในใจ ๑

อะวิชชา คือ โมหะปิดตัวปัญญาไม่พิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นอนิจจัง ทุกขขัง อนัตตา ๑

ถามว่า พระนิพพานนั้นมีกี่อย่าง แก้ว่า ในบาลีมี ๒ คือ อุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ อุปาทิเสสนิพพานธาตุนั้นได้แก่ ความดับกิเลสในจิตและเจตสิกให้ขาดขันธสันดาน ด้วยพระอริยมรรคญาณ คือ อรหัต ตัดอาสวะกิเลสเครื่องดองขันธสันดาน ให้ขาดเป็นสมุจเฉทปหาน เหมือนฟ้าผ่ายอดตาลให้ขาดไป ไม่ให้เจริญงอกงามขึ้นได้ในเบื้องหน้า เรียกว่า อุปาทิเสสนิพพานธาตุ

อาสวะนั้นมี ๔ ประการ คือ กามาสะวา เครื่องดอง ได่แก่ กามคุณทั้ง ๒ คือ กิเลสกาม รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ๑ วัตถุกาม มีข้าวของเงินทองเป็นต้น ๑ ภาวะสะวา เครื่องดอง ได้แก่ภพ ๓ มีกามภพเป็นต้น ๑ ทิฏฐาสะวา เครื่องดอง ได้แก่ ทิฏฐิ ความเห็นวิปาลาสจากธรรมวินัยพุทธศาสนา เหมือนอย่างภิกษุทั้งหลายไปเจริญสมณธรรมในอรัญราวป่า ดังเช่นนิทานเรื่องภิกษุสำคัญว่าตนได้มรรคผลเป็นต้น... 

ที่มา : http://larnbuddhism.com

มงคลที่ 1 , มงคลที่ 2 , มงคลที่ 3มงคลที่ 4 , มงคลที่ 5 , มงคลที่ 6 , มงคลที่ 7 มงคลที่ 8 , มงคลที่ 9 , มงคลที่ 10 , มงคลที่ 11 , มงคลที่ 12 , มงคลที่ 13 , มงคลที่ 14 , มงคลที่ 15 , มงคลที่ 16 , มงคลที่ 17 , มงคลที่ 18 มงคลที่ 19 , มงคลที่ 20 , มงคลที่ 21 , มงคลที่ 22 , มงคลที่ 23 , มงคลที่ 24 มงคลที่ 25 , มงคลที่ 26 , มงคลที่ 27 , มงคลที่ 28 , มงคลที่ 29 , มงคลที่ 30 , มงคลที่ 31 , มงคลที่ 32 , มงคลที่ 33 มงคลที่ 34 , มงคลที่ 35 , มงคลที่ 36มงคลที่ 37มงคลที่ 38 ฯ


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: