เพราะความแตกดับก็ดี ถูกทุกข์บีบคั้นก็ดี ความเป็นของว่างเปล่าก็ดี สังขารทั้งหลายจึงเป็นสภาวะที่น่ากลัว
๑. สังขารนิมิต คือเครื่องหมายแห่งสังขารทั้งหลายทั้งที่เป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่ผู้ปฏิบัติหมั่นทำไว้ในใจ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมเห็นแต่ความแตกดับแห่งสังขารเหล่านั้นเรื่อย ๆ ไป ความแตกดับนั้นนั่นแหละ เป็นนิมิต คือเป็นเครื่องหมายแห่งสังขารทั้งหลาย อันเป็นสภาวะที่น่ากลัวแก่ผู้เห็นแจ้งตามความเป็นจริง
๒. สังขารปวัตตะ คือความหมุนเวียนด้วยการเกิดและการตายอยู่ในภพทั้งสาม คือในกามภพก็ดี ในรูปภพก็ดี ในอรูปภพก็ดี แห่งสังขารทั้งหลาย ที่ผู้ปฏิบัติหมั่นทำไว้ในใจ โดยความเป็นทุกข์ ย่อมเห็นสังขารทั้งหลายว่า “เป็นสภาวะที่ถูกบีบคั้นอยู่เนือง ๆ เหมือนว่าจะเป็นสุขแต่ก็กลับเป็นทุกข์” เพราะมีการเวียนเกิดและเวียนตายนั่นเอง ความหมุนไปในภพทั้งหลายนั้นนั่นแหละ เป็นสภาวะที่น่ากลัวแก่ผู้เห็นแจ้งตามความเป็นจริง
๓. ส่วนผู้ปฏิบัติที่หมั่นทำไว้ในใจ โดยความเป็นอนัตตา เมื่อเห็นเครื่องหมายแห่งสังขารคือความแตกดับ และเห็นความเป็นไปแห่งสังขารคือถูกทุกข์บีบคั้นเรื่อยๆไป จึงกำหนดรู้สังขารทั้งปวงว่า “เป็นสิ่งที่ว่างเปล่า ไม่มีเจ้าของ เป็นเหมือนภาพลวงตาเป็นต้น” สังขารจึงปรากฏเป็นสภาวะที่น่ากลัวแก่ผู้เห็นแจ้งตามความเป็นจริง อย่างนี้แล.
สาระธรรมจากวิสุทธิมรรคภาค ๓ (ภยตุปัฏฐานญาณ)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
22/5/64
0 comments: