วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

“ทุกคนจะต้องตาย” นี่คือ ความจริงแท้แน่นอน ไม่มีใครเลยที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย

“ทุกคนจะต้องตาย” นี่คือ ความจริงแท้แน่นอน ไม่มีใครเลยที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย

“ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีใครรู้ ทั้งยาก ทั้งน้อย และระคนด้วยทุกข์ ความเพียรพยายาม ที่จะช่วยให้สัตว์ที่เกิดมาแล้ว ไม่ต้องตายได้ นั้น ไม่มีเลย แม้อยู่ได้ถึงชรา ก็ต้องตาย เพราะสัตว์ทั้งหลาย มีธรรมดาอย่างนี้เอง” -สัลลสูตร ที่ ๘ พระบาลีไตรปิฎก สุตฺตนฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย ขุ. สุ. ๒๕/๓๘๐/๔๔๗

“ยกเว้นพระโลกนาถเจ้าเสีย สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่งที่มีอยู่ สัตว์นั้น ว่าโดยปัญญาย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งพระสารีบุตร พระอัครสาวกที่หนึ่งได้  มีปัญญามากถึงอย่างนี้ ยังถึงซึ่งอำนาจแห่งความตาย  จะป่วยกล่าวไปไยในคนทั้งหลายเช่นเราเล่า.  แม้พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงปกครองแผ่นดินทั้งสิ้น ทรงสละพระราชทรัพย์ตั้งร้อยโกฏิ ทรงเป็นผู้มีความสุขในบั้นปลาย ถึงความเป็นใหญ่แห่งวัตถุเพียงผลมะขามป้อมครึ่งผลด้วยทั้งเรือนร่างนั้นแล แม้เมื่อท้าวเธอทรงสิ้นบุญแล้ว พระองค์ก็ทรงบ่ายพระพักตร์ต่อมรณะ ก็ต้องมาถึงซึ่งความโศกเศร้า  จะป่วยกล่าวไปไยในคนทั้งหลายเช่นเราเล่า.  ท่านผู้มียศใหญ่ทั้งหลาย เป็นท้าวพญาผู้ประเสริฐ เช่น ท้าวมหาสมมติ(มหากษัตริย์) เป็นต้น แม้ท่านเหล่านั้นยังถึงซึ่งอำนาจแห่งความตาย  จะป่วยกล่าวไปไยในคนทั้งหลายเช่นเราเล่า" -คัมภีร์วิสุทธิมรรค อนุสสติกัมมัฏฐานนิเทศ มรณานุสสติกถา

ชาติ ชรา และ มรณะ เหมือน ปัจจามิตร ๓ คน

“พระผู้มีพระภาคทรงถือเอา ชาติ(ความเกิด) ชรา(ความแก่) มรณะ(ความตาย) เป็นเช่นปัจจามิตร(ข้าศึกหรือศัตรู) ผู้เงื้อดาบขึ้นประหารเหล่าสัตว์นี้  อุปมาเหมือนปัจจามิตร ๓ คน เที่ยวแสวงหาช่องประทุษร้ายบุรุษ ในปัจจามิตร ๓ คนนั้น คนหนึ่งพูดอย่างนี้ว่า “การพาบุรุษนี้เข้าไปสู่ดงเป็นหน้าที่ของเรา”  คนที่สองพูดว่า “ในเวลาที่เขาไปถึงดงแล้ว การโบยตีให้ล้มลงบนแผ่นดินเป็นหน้าที่ของเรา” คนที่สามพูดว่า “จำเดิมแต่เวลาที่เขาล้มลงบนแผ่นดินแล้ว การเอาดาบตัดศรีษะเป็นหน้าที่ของเรา” ฉันใด  ธรรมเหล่านี้ มี ชาติ ชรา มรณะ ก็ฉันนั้น

“ชาติ” เป็นเช่นกับปัจจามิตร ผู้พาบุรุษเข้าไปสู่ดง เพราะให้สัตว์บังเกิดในที่นั้นๆ “ชรา” เป็นเช่นกับปัจจามิตร ผู้โบยตีบุรุษผู้ถึงดงแล้วใหัล้มลงบนแผ่นดิน เพราะกระทำขันธ์ที่เกิดขึ้นแล้วให้อ่อน ให้อาศัยคนอื่น และให้มุ่งไปสู่เตียงนอน “มรณะ” เป็นเช่นกับปัจจามิตรผู้เอาดาบตัดศรีษะของบุรุษผู้อยู่บนแผ่นดิน เพราะยังขันธ์ทั้งหลายที่ถึงชราแล้ว ให้ถึงความสิ้นชีวิต.”  -คัมภีร์อัฐสาลินี ทุกขนิเทศ

สัตว์พอเกิดมา ก็บ่ายหน้าไปสู่ความตาย

“สัตว์อยู่ในครรภ์เพียงคืนเดียว ซึ่งเป็นคืนแรก ย่อมบ่ายหน้าไป(สู่ความตาย) เหมือนเมฆฝนตั้งขึ้นแล้ว ก็ย่อมเคลื่อนไปเรื่อยไปไม่หวนกลับมา ดังนี้  วันและคืนล่วงไป ชีวิตพลอยดับไปด้วย อายุของสัตว์ค่อยสิ้นไป ดังน้ำแห่งแม่น้ำน้อยค่อยแห้งไป ฉะนั้น”

ความตาย..ไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมาย 

"ชีวิตํ  พฺยาธิ  กาโล  จ   เทหนิกฺเขปนํ  คติ,  ปญฺเจเต  ชีวโลกสฺมึ    อนิมิตฺตา  น  นายเร ฯ  สิ่งไม่มีนิมิตเครื่องหมาย ซึ่งใครๆก็รู้ไม่ได้ ในสัตว์โลกมีอยู่ ๕ อย่าง คือ... ๑. อายุ (ชีวิตํ) จะตายในอายุเท่าใดก็ไม่รู้  ๒.โรค (พฺยาธิ) จะตายด้วยโรคอะไรก็ไม่รู้  ๓.เวลา (กาโล) จะตายกลางวันหรือกลางคืนก็ไม่รู้ ๔. สถานที่ (เทหนิกฺเขปนํ) จะตายในบ้านหรือนอกบ้านก็ไม่รู้ ๕. ที่เกิด (คติ) ตายแล้วจะไปเกิดที่ไหนก็ไม่รู้"  -คัมภีร์วิสุทธิมรรค

“ความจริงแท้ ชีวิตคนเรานั้น แสนสั้นนัก แต่คนส่วนใหญ่ ก็ใช้ชีวิตราวกับว่า จะไม่มีวันพลัดพรากจากโลกนี้เลย” -ท. ส. ปัญญาวุฑโฒ

ท. ส. ปัญญาวุฑโฒ – รวบรวม


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: