มิตฺตวินฺทกชาตกํ - ว่าด้วยจักรบดศีรษะ
"อติกฺกมฺม รมณกํ, สทามตฺตญฺจ ทูภกํ; สฺวาสิ ปาสาณมาสีโน, ยสฺมา ชีวํ น โมกฺขสีติฯ ท่านเลยปราสาทแก้วผลึก ปราสาทเงิน และปราสาทแก้วมณีมาแล้ว ท่านนั้นเป็นผู้ถูกจักรกรดบนศีรษะแล้ว บาปยังไม่สิ้นตราบใด ท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็จักไม่พ้นจากจักรกรดตราบนั้น."
มิตตวินทกชาดกอรรถกถา
พระบรมศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภภิกษุว่า ยากรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อติกฺกมฺม รมณกํ ดังนี้.
ก็เรื่องของชาดกนี้ เป็นเรื่องเกิดขึ้นครั้งศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า จักแจ่มแจ้งในมหามิตตวินทกชาดกทสกนิบาต(จตุทวารชาดก) ก็ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์กล่าวคาถานี้ว่า :- „ท่านเลยปราสาทแก้วผลึก ปราสาทเงินและปราสาทแก้วมณี มาแล้ว มาถูกจักรกรด สำเร็จด้วยหินพัดผันอยู่ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จักไม่พ้นจากจักรกรดตราบนั้น.“
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รมณกํ เป็นชื่อของแก้วผลึกในกาลนั้น พระโพธิสัตว์แสดงว่า เจ้านั้นสิผ่านพ้นปราสาทแก้วผลึกไปเสียแล้ว. บทว่า สทามตฺตญฺจ เป็นชื่อของเงิน. พระโพธิสัตว์แสดงว่า เจ้านั้นสิผ่านปราสาทเงินไปเสียแล้ว. บทว่า ทูภกํ เป็นชื่อของแก้วมณี พระโพธิสัตว์แสดงว่า เจ้านั้นสิผ่านปราสาทแก้วมณีไปเสียแล้ว. บทว่า สฺวาสิ ตัดบทเป็น โส อสิ แปลว่า เจ้านั้นสิ. บทว่า ปาสาณมาสีโน ความว่า ที่ชื่อว่าจักกรดนั้น สำเร็จด้วยหินก็มีสำเร็จด้วยแก้วมณีก็มีแต่จักรกรดอันที่เจ้าถูกมันขยี้บดทับนั้น สำเร็จด้วยหิน เพราะเหตุที่มาต้องจักรกรดสำเร็จด้วยหิน เมื่อควรจะกล่าวว่า ปาสาณาสีโน กลับกล่าวว่า ปาสาณมาสีโน โดยถือเอา ม อักษร ด้วยอำนาจพยัญชนะสนธิ มีอธิบายไว้อีกนัยหนึ่งว่า ทูลหัวจักรกรดหิน คือมาถูกจักรกรดนั้นพัดผันยืนอยู่. บทว่า ยสฺมา ชีวํ น โมกฺขสิ ความว่า ทั้ง ๆที่ยังเป็นๆอยู่นั้นแหละ จักไม่พ้นไปจากจักรกรดได้ ต้องทูนมันไว้ จนกว่า บาปกรรมของเจ้าจะสิ้นไป.
พระโพธิสัตว์กล่าวคาถานี้แล้ว เสด็จไปสู่เทวสถานแห่งตนทันที ฝ่ายมิตตวินทุกะเล่า ก็ทูลจักรกรดไว้ เสวยทุกข์อย่างมหันต์ ครั้นบาปกรรมหมดไป ก็ไปตามยถากรรม. พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุมชาดกว่า มิตตวินทกะในครั้งนั้นได้มาเป็นภิกษุว่า ยากในครั้งนี้ส่วนท้าวเทวราชได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
ที่มา : Palipage : Guide to Language - Pali
0 comments: