ทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น (ตอน ๑๕) คำทำนายฝันครั้งประวัติศาสตร์
ความฝันข้อที่ ๑๒ น้ำเต้าแห้งเหี่ยวจมธารา
ฝันว่า ผลน้ำเต้าแห้งจมน้ำ
คำทำนาย:
ในอนาคต ผู้ปกครองบ้านเมืองจะไม่ตั้งอยู่ในธรรม คนดีจะไม่ได้รับการยกย่อง คนเลวจะได้เป็นใหญ่เป็นโต คนดีจะตกต่ำ การกระทำ คำพูด และความคิดเห็นของคนเลว จะกลายเป็นของหนักแน่น เป็นที่ยอมรับนับถือในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นในสภา นอกสภา ในที่ประชุมคณะผู้บริหารกิจการบ้านเมือง และแม้แต่ในโรงศาล แบบอย่างที่คนเลวประพฤติปฏิบัติจะมีน้ำหนัก ถูกนำไปยึดถือเป็นตัวอย่างอ้างอิง
แม้ในฝ่ายพระศาสนา พระสงฆ์ที่ประพฤติเลวทราม ทุศีล อลัชชี จะได้รับการยกย่องเคารพนับถือ เมื่อเทศนาถ้อยคำอันใดออกไป ก็จะมีผู้เชื่อฟังว่าถูกว่าควร เป็นคำที่นำออกจากทุกข์ได้ (นิยฺยานิกกถา) แล้วพากันน้อมรับเอาไปปฏิบัติตาม
สรุปคำทำนายคือ ในอนาคต คนเลวจะได้รับการยกย่องเชื่อถือ
น้ำเต้าเป็นพืชล้มลุกประเภทเดียวกับฟักแฟง ผลที่ยังอ่อนใช้เป็นผักต้มแกงกินได้ ผลแก่เปลือกจะแข็ง ถ้าปล่อยให้ผลแก่จัดเนื้อในจะเละ เมื่อแห้งแล้วจะเหลือแต่เปลือกเป็นโพรง เมื่อตัดทางขั้วออกจะมีลักษณะเป็นภาชนะคล้ายหม้อน้ำหรือคนโท ใช้ใส่ของจำพวกเครื่องใช้ในครัวได้ดี น้ำเต้าแห้งนี้จะมีน้ำหนักเบา ถ้าทิ้งลงน้ำก็จะลอยน้ำเสมอ
น้ำเต้าแห้งจมน้ำจึงเป็นสิ่งผิดปกติ
แบบฉบับของคนเลว ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ คำพูด และความคิดเห็นต่างๆ ท่านเปรียบเป็น “ผลน้ำเต้าแห้ง” เพราะไม่มีน้ำหนักที่ควรจะเชื่อถือหรือยึดถือเป็นแบบฉบับ เป็นสิ่งเหลวไหลเลื่อนลอยเอาเป็นสาระไม่ได้
ปัญหาก็มีอยู่ว่า “คนเลว” คือคนชนิดไหน?
ต้นฉบับท่านใช้คำว่า “อกุลีนะ” ซึ่งแปลว่า “คนไม่มีสกุล” ความหมายตามตัวหนังสือก็คือ คนที่เกิดในตระกูลต่ำ แต่ตระกูลชนิดไหนจะถือว่าต่ำ ก็คงจะพูดยากสักหน่อยสำหรับจะให้คนสมัยนี้เข้าใจและยอมรับ
ถ้าถือตามแนวคิดของคนอินเดียที่เป็นเจ้าของเรื่องนี้ ตระกูลต่ำก็คือ พวกศูทรและจัณฑาล ตระกูลสูงก็คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ (พ่อค้า)
ที่ถือว่าศูทรและจัณฑาลเป็นพวกตระกูลต่ำ ก็โดยเหตุที่ว่า คนพวกนี้ตั้งแต่เกิดมาก็มีภารกิจสำคัญอยู่อย่างเดียวตลอดชีวิต คือทำงานหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพอให้รอดชีวิตไปวันๆ ไม่มีเวลาและโอกาสที่จะพัฒนาคุณงามความดีในตัวเองได้
เพราะฉะนั้น การกระทำ คำพูด และความคิด จึงไม่มีเรื่องอื่น หรือเหตุผลอื่น นอกจากเรื่องที่ว่าทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตรอดไปวันๆ หนึ่งได้ โดยไม่เลือกว่าจะรอดด้วยวิธีการอย่างไร ที่ถือว่าคนเกิดในตระกูลต่ำเป็นคนเลวก็โดยเหตุผลตามที่ว่านี้ แปลว่า คนดีคนเลวนั้น ดูกันถึงที่สุดก็ดูที่คุณธรรม ซึ่งจะสำแดงออกมาให้ปรากฏทางการกระทำ คำพูด และความคิด
ถ้าใครคิดแต่เพียงจะเอาตัวรอดไปวันๆ ก็ถือว่าเป็นคนเลว
ใครคิดเหนือไปกว่านี้ คือไม่ใช่คิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตรอด แต่ยังคิดอีกด้วยว่าจะมีชีวิตรอดไปเพื่อทำคุณงามความดีอะไรให้แก่ตัวเองและแก่สังคม ก็ถือว่าเป็นคนดี และคนเลวคนดีเช่นนี้ คนโบราณใช้ “ตระกูล” เป็นเครื่องวัด เพราะตระกูลบอกให้รู้ได้ว่า คนผู้นั้นมีความพร้อมที่จะได้รับการอบรมกล่อมเกลาให้มีคุณงามความดีได้มากน้อยแค่ไหนหรือไม่ แต่พึงเข้าใจว่า เพียงแค่ตระกูลอย่างเดียวยังไม่เป็นเครื่องประกันว่า คนผู้นั้นจะต้องเป็นคนเลวคนดีตามกำหนดทุกคนไป ตระกูลเป็นได้อย่างมากก็แค่ “สิ่งบอกเหตุ” เท่านั้น
เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจด้วยว่า ที่โบราณท่านถือเอาตระกูลเป็นเครื่องกำหนดนั้น ท่านเล็งไปที่คุณธรรมเป็นสำคัญ ถ้ามีคุณธรรม แม้จะเกิดในตระกูลต่ำก็เป็นคนดี แต่ถ้าไร้คุณธรรม แม้จะเกิดในตระกูลสูง ก็ถือว่าเป็นคนเลว
อำนาจ ตำแหน่งหน้าที่ ทรัพย์สมบัติ และจำนวนผู้คนที่นับถือ ไม่ใช่เครื่องตัดสินว่าใครเลวใครดีหรอกครับ พระพุทธศาสนาสอนว่า ตั้งแต่ท้าวพระยามหากษัตริย์จนถึงคนขนขยะ ถ้ามีคุณธรรมละก็ มีฐานะเสมอกันหมด เมื่อตกลงได้ว่า คนเลวคือคนที่คิดแต่เพียงจะเอาชีวิตรอดไปวันๆ ก็เป็นอันเข้าใจต่อไปได้ว่า ในอนาคต คนชนิดนี้แหละจะได้รับการยกย่องเชื่อถือในสังคม และคนที่ยกย่องเชื่อถือก็น่าจะเป็นคนชนิดเดียวกัน แปลว่าในอนาคต สังคมมนุษย์ก็จะมีแต่คนที่คิดเพียงจะเอาตัวรอดไปวันๆ โดยไม่คำนึงถึงถูกผิดดีชั่วใดๆ ทั้งสิ้น ลองหลับตานึกดูเถิดครับว่า สังคมที่มีแต่คนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอดนั้น จะเป็นอย่างไร
เวลานี้ ในสังคมไทยเราก็เริ่มจะมีคนชนิดนี้บ้างแล้วแหละผมว่า
สังเกตได้จากแนวคิดชนิดหนึ่งที่เริ่มจะมีผู้นิยมมากขึ้น นั่นคือ เมื่อเห็นใครทำผิด ทำชั่ว ทำเลว และคนผู้นั้นยังลอยชายอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติ คนทั้งหลายก็จะพากันวางเฉย ไม่กล้าคัดค้านหรือคัดง้าง มิหนำซ้ำอาจจะมีอาการพินอบพิเทาและยกย่องอยู่ในทีว่า คนผู้นั้นมีอำนาจดี มีตำแหน่งดี มีทรัพย์ดี มีคนนับถือดี รวมความว่าเป็นคนดีหรือคนเก่งคนหนึ่ง
ถ้าเผื่อมีใครคิดจะคัดค้านหรือต่อต้านคนผู้นั้น ก็มักจะมีกระแสความคิดในเชิงปรามว่า “อย่าหาเรื่องเดือดร้อนดีกว่า อยู่เฉยๆ สบายกว่า คนอื่นเขาแน่กว่าคุณเขายังทำอะไรไม่ได้ แล้วก็อีแค่คนขนาดคุณจะไปมีน้ำยาอะไร” แล้วก็แถมต่อไปอีกด้วยว่า “คนที่เขาใหญ่มาได้ขนาดนั้น เขาจะต้องมีดีอะไรอยู่บ้าง ...” อะไรทำนองนี้
ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่คิดอย่างนี้ ถืออย่างนี้ หรือเห็นด้วยกับความคิดอย่างนี้ ก็นั่นแหละครับ อนาคตที่ว่า “คนเลวจะได้รับการยกย่องเชื่อถือ” ได้เริ่มปรากฏโฉมหน้าออกมาแล้ว ในที่สุด สังคมมนุษย์ก็จะมีสภาพเหมือนสังคมสัตว์ นั่นคือ ใครที่ใหญ่กว่า มีกำลังมากกว่า ก็อยู่รอด ใครที่เล็กกว่า มีกำลังน้อยกว่า ก็เข้าพินอบพิเทาเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง แปลว่า สังคมจะมีแต่คนที่คิดเอาตัวรอดเท่านั้น ผิดชอบดีชั่วเป็นอันไม่ต้องพูดถึงกันอีกต่อไป เข้าหลักภาษิตโบราณที่ท่านว่าไว้นานนักหนาแล้วว่า :-
อาหารนิทฺทา ภยเมถุนญฺจ กิน นอน กลัว สืบพันธุ์
สามญฺญเมตปฺปสุภี นรานํ สิ่งเหล่านี้มีเหมือนกันทั้งคนและสัตว์
ธมฺโมว เตสํ อธิโก วิเสโส คุณธรรมเท่านั้นที่ทำให้คนประเสริฐกว่าสัตว์
ธมฺเมน หีนา ปสุภี สมานา. ปราศจากคุณธรรมเสียแล้ว คนก็เท่ากับสัตว์
จริงหรือไม่จริง ก็พอจะมองเห็นรำไรๆ แล้วแหละครับ
คำกลอนทำนายพระยาปัตเถวน
หนึ่งฝันเห็นน้ำเต้านั้นจมชล ดูวิกลไม่เคยพบประสบเห็น
พุทธบรรหารว่านานไปจะได้เป็น ที่ข้อเข็ญของสัตว์วิบัติมี
คือนักปราชญ์ผู้รู้ธรรมจะต่ำต้อย พาลาลอยเฟื่องฟูชูศักดิ์ศรี
ผู้พงศาตระกูลประยูรมี จะลับลี้เสื่อมสูญประยูรยศ
พวกคนพาลจะราญเริงบันเทิงหน้า เจรจาผิดธรรมไม่กำหนด
ใครปลอกปลิ้นลิ้นลมเป็นคมคด รู้โป้ปดกลอกกลับจึงนับกัน ฯ เอื้อเฟื้อต้นฉบับคำกลอน: อาทิตย์ รักษา
ภาพประกอบ: ภาพวาดที่เจดีย์เยเลพญา เมืองสิเรียม เมียนม่า Spirit of the world บันทึกนักเดินทาง ทริปเที่ยวพม่า 23 ธันวาคม 2558 และภาพจาก google
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย, ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓, ๑๖:๕๔
วันวิสาขบูชา
- บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาตามปกติ - งดการเวียนเทียนเป็นหมู่คณะใหญ่ - ยังคงเวียนได้ตามลำพัง - ร่วมใจกันให้กำลังใจหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของไทยและของโลกเพื่อเฝ้าระวังภัยจากโควิด-๑๙
ทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น (ตอน ๑), (ตอน ๒), (ตอน ๓), (ตอน ๔), (ตอน ๕), (ตอน ๖), (ตอน ๗), (ตอน ๘), (ตอน ๙), (ตอน ๑๐), (ตอน ๑๑), (ตอน ๑๒), (ตอน ๑๓), (ตอน ๑๔), (ตอน ๑๕), (ตอน ๑๖), (ตอน ๑๗), (ตอน ๑๘), (ตอน ๑๙), (ตอน ๒๐), (ตอน ๒๑), (ตอน ๒๒), (ตอน ๒๓)
0 comments: