วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2564

จาก "สภาพพพ" สู่ "สภา" กมธ. ศาสนาระบุพระสงฆ์เฟซบุ๊กไลฟ์เฮฮาได้

จาก "สภาพพพ" สู่ "สภา" กมธ. ศาสนาระบุพระสงฆ์เฟซบุ๊กไลฟ์เฮฮาได้

คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม (กมธ. ศาสนา) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่ขัดข้องที่พระสงฆ์จะสอนธรรมะแนวบันเทิง แต่ขอความร่วมมือให้พระมหาสมปอง ตาลปุตโต และพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเทศก์ออนไลน์ชื่อดัง ให้เพิ่มเนื้อหาส่วนธรรมะและลดเนื้อหาแนวตลก

วันนี้ (9 ก.ย.) กมธ. ศาสนาได้นิมนต์พระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์แห่งวัดสร้อยทอง มาให้ข้อมูล หลังจากมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสมของการทำเฟซบุ๊คไลฟ์ผ่านเพจ "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ" เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา ระหว่างพระมหาไพรวัลย์เจ้าของวลีติดหูที่ว่า "สภาพ" ในระหว่างการไลฟ์ และพระมหาสมปองเป็นครั้งแรก

ประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์มีทั้งในแง่เนื้อหา การแสดงออกของพระสงฆ์ทั้งสองรูประหว่างการไลฟ์ รวมทั้งการที่เพจสินค้าและบริการจำนวนมากเข้าไปคอมเมนต์ในระหว่างการถ่ายทอดสด 

หลังจากใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการหารือ พระมหาสมปองได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าได้ข้อสรุปที่เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย โดยมีประเด็นสำคัญ 3 ข้อ คือ

- ประเด็นแรก  ด้านดีของการไลฟ์ คือการทำงานที่ทันยุคทันสมัย

- ประเด็นที่สอง  สิ่งที่ต้องปรับปรุง กมธ. ศาสนาแนะนำให้ระวังมัดระวังเรื่องคำพูด เพราะหากเกิดความผิดพลาดจะแก้ไขได้ยาก โดยมีการตกลงกันว่าสัดส่วนเนื้อหาธรรมะให้คงไว้ที่สัดส่วน 70% ส่วนเนื้อหาตลกขบขันให้อยู่ที่ 30 %

- ประเด็นที่สาม  เรื่องการโฆษณาหรือสินค้าอุปถัมภ์ สามารถทำได้ในลักษณะการตั้งโชว์ แต่ไม่ให้พูดถึงตัวสินค้าที่เป็นการโฆษณา ไม่ให้กล่าวคำชื่นชมหรือเชื้อเชิญให้ผู้ฟังให้การสนับสนุนสินค้านั้น ส่วนผลิตภัณฑ์ที่จะอุปถัมภ์ต้องมีความเหมาะสมกับพระพุทธศาสนา 

"อาตมาก็ได้ต่อรองไปว่าในช่วงต้นไลฟ์ของเรื่องหาธรรมะ 50% ตลก 50% เพื่อดึงคนให้ฟังไลฟ์ต่อ"  พระมหาสมปองกล่าว

ด้านพระมหาไพรวัลย์  กล่าวขอบคุณที่คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญมารับฟังความคิดเห็น ยืนยันว่าจะนำคำแนะนำของกรรมาธิการฯ ทุกคนไปปรับปรุงให้เหมาะสม 

กมธ. ศาสนาฯ ไม่มีอำนาจชี้ผิดชี้ถูก

นายสุชาติ อุสาหะ ประธาน กมธ. ศาสนา กล่าวภายหลังการหารือว่า ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประเด็นในเรื่องของการไลฟ์สดธรรมะ โดยมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ความเห็นของสังคมแบ่งกันเป็นสองฝ่ายเพราะว่าคนในสังคมมีตั้งแต่คนรุ่นเก่า คนรุ่นกลางและคนรุ่นใหม่ ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ขอความร่วมมือนักเทศน์ทั้งสองมาแลกเปลี่ยนและชี้แจงกับกรรมาธิการในประเด็นที่สังคมรู้สึกกังวลใจ เช่น ประเด็นเรื่องการโฆษณาและผู้สนับสนุนว่าจะสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด

ประธาน กมธ. ศาสนายืนยันว่าตามข้อบังคับ กรรมาธิการฯ มีอำนาจในการหารือหรือสอบถามเรื่องดังกล่าว

"ในนามของคณะกรรมาธิการฯ มองว่าเป็นเรื่องดี สามารถทำได้ ส่วนเนื้อหาสาระใด ๆ ถ้าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร มีคณะผู้ปกครองสงฆ์อยู่ มีเจ้าอาวาส ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้ก้าวล่วงเพราะไม่มีอำนาจชี้ผิดชี้ถูก เรื่องนี้เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร" นายสุชาติกล่าว 

ยอมรับอาจจะมีคำตำหนิ แต่พร้อมปรับปรุงให้ "ไลฟ์เรียบร้อย"

หลังจากเดินทางถึงอาคารรัฐสภา พระสงฆ์ทั้งสองรูป ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยความผ่อนคลาย โดยพระมหาสมปองกล่าวว่าพร้อมรับฟังว่าส่วนไหนที่เกินเลยหรือขาดไปก็พร้อมที่จะปรับปรุงในลักษณะ "ล.ร.ร." หรือ ไลฟ์เรียบร้อย และกล่าวติดตลกว่าส่วนที่เกินเลยอาจจะเป็นเสียงหัวเราะของพระมหาไพรวัลย์

"การไลฟ์สดครั้งแรกเหมือนเป็นการเรียนครั้งแรกที่ต้องทักทายนักเรียน เพื่อทำให้เด็กสนใจ แต่ถ้าต่อไปจะเข้าสู่เนื้อหาและสอดแทรกธรรมะ และเด็กอาจจะหลับในคาบต่อ ๆ ไป" ส่วนพระที่ทำการไลฟ์ก็เปรียบเหมือนครูที่สอนคาบแรกแล้วถูกผู้อำนวยการโรงเรียนตำหนิ

"ซึ่งเมื่อผู้ใหญ่มาตักเตือนก็จะต้องมีการปรับปรุง" พระมหาสมปองอธิบาย

พระมหาสมปอง ยอมรับว่า ในการทำเฟซบุ๊กไลฟ์ครั้งต่อไป อาจจะไม่เหมือนเดิม อาจมีการปรับรูปแบบให้ดีขึ้น พร้อมกับขอเข้าใจในการทำหน้าที่เพราะบรรยายธรรมมากว่า 20 ปี เข้าดีว่าผู้ฟังแต่ละแบบเป็นอย่างไร ควรจะให้อะไรตอนไหน

"เรามีจังหวะของเรา" พระนักพูดชื่อดังระบุ

ทางด้านพระมหาไพรวัลย์กล่าวว่า ไม่กังวลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการไลฟ์สดไม่สำรวม และที่ผ่านมาได้พูดคุยกับหลายฝ่าย อีกทั้งเห็นว่านี่ "ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย" และเห็นว่า "เสียงหัวเราะไม่น่าจะเป็นปัญหาระดับชาติ" 

หลากทัศนะต่อปรากฏการณ์พระสงฆ์จัดเฟซบุ๊กไลฟ์

ปฏิกิริยาและทัศนะจากสังคมที่มีต่อการจัดเฟซบุ๊กไลฟ์ของพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมามีอย่างหลากหลายทั้งแสดงการสนับสนุนและชื่นชมเพราะมองว่า เป็นการนำเสนอข้อคิดทางธรรมได้เข้าถึงกลุ่มคนหมู่มาก โดยใช้ภาษาและท่าทีที่เป็นมิตรและมีอารมณ์ขัน

อย่างไรก็ตาม บางส่วนก็มองว่า ไม่เหมาะสมเนื่องจากขัดกับจริยวัตรของพระสงฆ์ที่ต้องอยู่ในอาการสำรวมเพื่อให้เป็นที่น่าเชื่อถือและศรัทธา รวมทั้งมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับธรรมะน้อยเกินไป

บีบีซีไทยรวบรวมความคิดเห็นและทัศนะบางส่วนในสื่อสังคมออนไลน์ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อการเฟซบุ๊กไลฟ์ของพระมหาไพรวัลย์-พระมหาสมปอง

5 ก.ย. - ดร.มงคล นาฏกระสูตร อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และอดีตผู้ชำนาญการสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Mongkol Nath" เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวโดยตั้งคำถามว่า การทำเฟซบุ๊กไลฟ์ในแนวตลกจะนำไปสู่การเสื่อมถอยของพระพุทธศาสนา ขัดกับวินัยสงฆ์ และเป็นการสร้างชื่อเสียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์หรือไม่

6 ก.ย. - นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้ความเห็นว่าเท่าที่ดูแล้ว "ไม่ถือว่ามีความผิดวินัยรุนแรงของพระสงฆ์" แต่ได้มอบหมายให้นายสิปป์บวร แก้วงาม โฆษก พศ. และรอง ผอ.พศ. เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ และอาจจะมีการสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งตามสมควร

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

ในวันเดียวกันนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ส่งคำร้องถึง มหาเถรสมาคม เพื่อให้สอบสวนกรณีการไลฟ์สดของพระสงฆ์นักเทศน์ทั้งสองรูป โดยอ้างว่า "เป็นการกระทำย่ำยีพระพุทธศาสนา เข้าข่ายต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์"

7 ก.ย. - นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นส่วนตัวว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม ขัดพระธรรมวินัย เพราะพระสงฆ์จะกลายเป็นดารา ไม่ควรทำตัวเป็นดารานักแสดง "ถ้าอยากจะเป็นดาราก็ควรจะลาสิกขาบท" นายไพบูลย์กล่าว

Source: https://www.bbc.com/thai/thailand-58497575

พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ: ย้อนดูทัศนะต่อเรื่องบทบาทสงฆ์กับสังคม การเมือง คนรุ่นใหม่ และ LGBT

ภาพ​ : จาก "สภาพพพ" สู่ "สภา" 2พส. พระมหาสมปอง ตาลปุตโต และพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ 


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: