วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2564


อันตรธาน

คำว่า “อันตรธาน” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ บอกไว้ว่า - “อันตรธาน : (คำกริยา) สูญหายไป, ลับไป. (ป., ส.).”  พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อนฺตรธาน” ว่า disappearance (การหายหรือสูญหายไป)

คำว่า “อันตรธาน” มีความหมายเฉพาะอย่างหนึ่ง คือหมายถึงความเสื่อมสูญสิ้นไปแห่งพระศาสนา ในคัมภีร์ท่านแสดงไว้ว่ามี ๕ อย่าง เรียงตามลำดับก่อน-หลังแห่งการเสื่อมสูญ คือ 

๑.  อธิคมอันตรธาน = การเสื่อมสูญไปแห่งการบรรลุมรรคผล คือจะไม่มีใครได้บรรลุมรรคผลอันเกิดจากการปฏิบัติธรรม

พระปฐมสมโพธิกถาบรรยายว่า - บุคคลที่ได้สำเร็จแก่พระโสดาปัตติผลนั้น ถ้ายังมีอยู่ไม่มากมาตรว่าแต่สักผู้เดียว ก็จัดได้ชื่อว่าอธิคมธรรมยังมิได้อันตรธาน กาลใดหาพระโสดาบันบุคคลมิได้ ก็ได้ชื่อว่าอธิคมธรรมอันตรธานในกาลนั้น

๒.  ปฏิปัตติอันตรธาน = การเสื่อมสูญไปแห่งปฏิบัติธรรม คือไม่มีใครเอาพระธรรมวินัยไปปฏิบัติ ทั้งการอบรมตนให้มีคุณธรรม และการอบรมจิตให้บริสุทธิ์จากกิเลส

พระปฐมสมโพธิกถาบรรยายว่า - 

คจฺฉนฺเต  กาเล  ครั้นกาลล่วงไป ภิกษุทั้งหลายมิได้อาลัยล่วงอาบัติอันใหญ่ คือ อาบัติปาจิตตีย์ ถุลลัจจัย ต่อนานไปก็สำรวมรักษาไว้แต่ครุกาบัติคือสังฆาทิเสสแลปาราชิก  ปาราชิกานิ รกฺขนฺตานํ  เมื่อภิกษุทั้งหลายยังทรงไว้ซึ่งปาราชิกสิกขาบทยังมีอยู่ตราบใด ปฏิบัติก็จัดได้ชื่อว่ายังไม่อันตรธานในกาลนั้น กาลใดหาภิกษุซึ่งจะสำรวมรักษาปาราชิกสิกขาบทมิได้แล้ว  อนฺตรหิตา นาม  จัดได้ชื่อว่าปฏิบัติธรรมอันตรธาน

๓.  ปริยัตติอันตรธาน = การเสื่อมสูญไปแห่งปริยัติ คือไม่มีใครศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย 

พระปฐมสมโพธิกถาบรรยายว่า -

ยทา  สทฺโธ  ราชา  สมเด็จบรมกษัตริย์ทรงพระราชศรัทธา พระองค์ใส่ลงซึ่งทรัพย์หนึ่งพันในผอบทอง ยังคนให้ยกขึ้นหลังราชคชาธารข้างพระที่นั่งแล้ว ให้เอากลองชัยเภรีไปตีป่าวทั่วขอบเขตขัณฑสีมาเมืองว่า บุคคลผู้ใดรู้คาถามาตรว่า ๔ บาทแล้ว จงมาเอาทรัพย์หนึ่งพัน เมื่อราชบุรุษทั้งหลายนำเอากลองชัยไปเที่ยวตีป่าวถ้วนถึง ๓ วาระแล้ว มิได้เห็นผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งอวดอ้างกล่าวว่า เรารู้คาถาประมาณ ๔ บาทแต่เท่านี้หามิได้ ราชบุรุษทั้งหลายก็นำทรัพย์กลับคืนเข้าสู่ราชคลังหลวงแล้วกาลใด  ตทา ปริยตฺติ อนฺตรหิตา นาม  ในกาลนั้นและพระปริยัติก็จัดได้ชื่อว่าอันตรธานสาบสูญสิ้นหาเศษมิได้

๔.  ลิงคอันตรธาน = การเสื่อมสูญไปแห่งเพศสมณะ คือผู้ทรงเพศสมณะก็สลัดผ้ากาสาวพัสตร์อันเป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์ทิ้งเสีย และไม่มีใครบวชในพระพุทธศาสนาอีกต่อไป

พระปฐมสมโพธิกถาบรรยายว่า -

คจฺฉนฺเต  กาเล ...  ครั้นนานไปพระภิกษุทั้งหลายจะมีความดำริว่า เราจะมาประโยชน์อันใดด้วยผ้าย้อมฝาด ดำริฉะนี้แล้วก็ปลดเปลื้องเครื่องสมณบริขารคือไตรจีวรจากกาย จะผูกพันแต่ข้อหัตถ์บ้าง ที่คอบ้าง จะกระทำกสิกรรมแลพาณิชยกรรมเลี้ยงบุตรแลภรรยา 

คจฺฉนฺเต  กาเล  ครั้นกาลเมื่อตนไปกระทำการงานอยู่ในอรัญราวป่าก็จะมีความดำริว่า เราจะประโยชน์อันใดด้วยผ้ากาสาวพัสตร์อันผูกพันในมือแลคอ คิดฉะนี้แล้วก็จะพากันนำผ้ากาสาวพัสตร์ทิ้งไว้ในอรัญรุกขประเทศ   เอตสฺมึ  กาเล  ลิงคํ  อนฺตรหิตํ  นาม  ในกาลนั้นสมณเพศก็จัดได้ชื่อว่าเสื่อมสูญหาเศษมิได้ 

๕.  ธาตุอันตรธาน = การเสื่อมสูญไปแห่งพระธาตุ ท่านบรรยายว่า เมื่อถึงเวลานั้น พระบรมสารีริกธาตุทั้งมวลที่มีอยู่ในโลกจะมารวมกัน ณ โพธิมณฑล แล้วเกิดเตโชธาตุเผาผลาญสูญสิ้นไปมิได้เหลือเศษ เป็นอันว่าพระพุทธศาสนาอันตรธานไปจากโลกอย่างสิ้นเชิง

พระปฐมสมโพธิกถาบรรยายว่า -

คจฺฉนฺเต  กาเล  ครั้นกาลล่วงไป ที่ทั้งหลายทั้งปวงปราศจากเครื่องสักการบูชาแล้ว พระบรมธาตุก็จะมาสโมสรสันนิบาตกันเข้าแล้วก็จะเสด็จไปสู่พระมหาเจดีย์อันใหญ่ในลังกาทวีป ครั้นออกจากลังกาทวีปมหาเจดีย์แล้วก็จะเสด็จไปสู่ราชายตนเจดีย์นาคทวีป ครั้นออกจากนาคทวีปแล้วก็จะเสด็จไปสู่โพธิบัลลังก์ พระบรมธาตุทั้งหลายในนาคพิภพก็ดี ในเทวโลกก็ดี ก็เสด็จไปสู่พระมหาโพธิบัลลังก์สิ้น

เอวํ  สพฺพา  ธาตุโย  พระบรมธาตุครั้นประชุมกันด้วยประการดังนี้แล้ว  พุทฺธรูปํ  กตฺวา  กระทำอาการเป็นพระพุทธรูปปรากฏเหมือนอย่างองค์สมเด็จพระศรีสุคตอันประดิษฐานเหนือรัตนบัลลังก์ใต้ควงไม้พระมหาโพธิ ... จะกระทำพระปาฏิหาริย์มีอาการดุจดังพระยมกปาฏิหาริย์ครั้งเมื่อทรมานเดียรถีย์นิครนถ์ในภายใต้ต้นไม้คัณฑามพฤกษ์ ... มนุสฺสภูตสตฺโต เมื่อพระบรมธาตุประชุมครั้งนั้น มนุษย์ทั้งหลายจะได้เห็นหามิได้ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ฝ่ายฝูงอมรเทพยดาทั้งหลายในหมื่นจักรวาฬจะพากันสโมสรสันนิบาตประชุมพร้อมกัน ปริเทวนฺตา กันแสงโศกโศกาดูรพูนเทวษ เหมือนครั้งองค์สมเด็จพระโลกเชษฐ์เสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน ด้วยถ้อยคำว่า  อชฺช  ทสพโล  ปรินิพฺพายติ  องค์พระทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระอมตมหานิพพานเสียในวันนี้แล้ว อชฺช สาสนํ โอสกฺกติ พระพุทธศาสนาเสื่อมทรุดลงในวันนี้แล้ว อิทํ ปจฺฉิมทสฺสนํ ครั้งนี้เป็นปัจฉิมที่สุด การที่จะได้เห็นไปในเบื้องหน้าไม่มีแล้ว ตั้งแต่นี้ไปโลกก็จะมัวมนอนธการกอปรด้วยกองมืด ...

อถ  ธาตุสรีรโต  ในลำดับนั้น เตโชธาตุก็ตั้งขึ้นแต่พระสรีรธาตุ เผาผลาญสังหารให้ย่อยยับถึงซึ่งภาวะหาบัญญัติมิได้ ...

เรื่องอันตรธานนี้ท่านแสดงไว้ตั้งแต่ในยุคสมัยที่พระศาสนากำลังรุ่งเรือง น่าคิดว่า ก็เมื่อพระศาสนารุ่งเรืองอยู่เช่นนั้นจะมากล่าวถึงเรื่องพระศาสนาอันตรธานเสื่อมสูญเพื่ออะไร   และเราท่านในบัดนี้เมื่อได้สดับเรื่องพระศาสนาอันตรธานแล้วคิดอย่างไร

ผมว่าใครขบคิดปริศนานี้ออกก็จะได้สติและได้ปัญญา  ได้สติ คือไม่ประมาทมัวหลงเพลิดเพลินไปกับโลก

ได้ปัญญา คือแสวงหาและดำเนินไปโดยมรรคาอันจะนำไปสู่ความเป็นอิสระที่แท้จริง-ในขณะที่หนทางนั้นยังมีร่องรอยปรากฏชัดเจนอยู่ รอนานไปจะไม่มีใครรู้จักหนทางนั้น  

เรื่องแบบนี้ไม่ต้องรอให้แก่เฒ่าก่อนจึงค่อยคิดหรอกครับ  ยังหนุมยังสาวก็คิดได้-ดีกว่าไปคิดได้เมื่อแก่เสียอีก

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย, ๓ กันยายน ๒๕๖๔, ๑๗:๓๔

อันตรธาน,  แนวคิดเรื่องอันตรธาน














Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: